TWC_ Newsletter
Understanding Strengths: ทำความเข้าใจเรื่อง “ศักยภาพ”
เมื่อพูดถึงความหมายของคำว่า “ศักยภาพ” หากจะกล่าวกันในความหมายที่เข้าใจได้ง่าย “ศักยภาพ” คือสิ่งที่คุณทำได้ดีและรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้ใช้ศักยภาพเหล่านั้นลงมือทำงานหรือลงมือทำอะไรบางอย่างให้เกิดขึ้น
แต่ถ้าพูดในเชิงวิชาการ “ศักยภาพ” สามารถอธิบายได้จากงานวิจัยจากสถาบันชั้นนำในศาสตร์ของจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychology) โดยศาสตราจารย์ Christopher Peterson, ดร. Robert Biswas-Diener, ดร. Alex Linley และอีกหลายท่านได้อิงจากการศึกษาในเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า “ศักยภาพ” นั้นหมายถึง รูปแบบของความคิด ความรู้สึก และอุปนิสัย ที่เมื่อได้ฝึกฝนหรือลงมือทำมันแล้วเราจะมีความรู้สึกตื่นเต้น เกิดความผูกพันและรู้สึกเหมือนได้ทำการเพิ่มพลังให้แก่ตัวเราเอง อีกทั้งยังช่วยให้เราได้ปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดของเราออกมา
มาทำความเข้าใจเรื่อง “ศักยภาพ” ให้มากขึ้น
ศาสตราจารย์ Ryan Niemiec นักจิตวิทยาและครูผู้สอนเรื่องศักยภาพระดับโลก ได้อธิบายไว้ว่า ศักยภาพของมนุษย์นั้น จะหมายรวมถึงสิ่งที่เป็นพรสวรรค์ (Talents) คุณลักษณะอันเป็นจุดแข็ง (Character Strengths) สิ่งที่เป็นความสนใจ (Interests) และคลังข้อมูล (Resources) ด้วย
1 พรสวรรค์ (Talents):
2 คุณลักษณะอันเป็นจุดแข็ง (Character Strengths):
ที่มา : หนังสือ Your Strengths Blueprint : How to be Engaged , Energized,and Happy at work ของ Michelle Mcquaid และ Erin Lawn
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
LINE ID : the3worldscreator
Tel. 02-530-9150,093-245-9985
แต่ถ้าพูดในเชิงวิชาการ “ศักยภาพ” สามารถอธิบายได้จากงานวิจัยจากสถาบันชั้นนำในศาสตร์ของจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychology) โดยศาสตราจารย์ Christopher Peterson, ดร. Robert Biswas-Diener, ดร. Alex Linley และอีกหลายท่านได้อิงจากการศึกษาในเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า “ศักยภาพ” นั้นหมายถึง รูปแบบของความคิด ความรู้สึก และอุปนิสัย ที่เมื่อได้ฝึกฝนหรือลงมือทำมันแล้วเราจะมีความรู้สึกตื่นเต้น เกิดความผูกพันและรู้สึกเหมือนได้ทำการเพิ่มพลังให้แก่ตัวเราเอง อีกทั้งยังช่วยให้เราได้ปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดของเราออกมา
มาทำความเข้าใจเรื่อง “ศักยภาพ” ให้มากขึ้น
- ความคิด ความรู้สึก และการกระทำของมนุษย์ ล้วนเกิดจากเซลล์หลายล้านเซลล์ หรือที่เรียกกันว่า “เซลล์ประสาท” ที่อยู่ในสมองของมนุษย์ ส่งสัญญาณและสื่อข้อความไปมาระหว่างกัน ในทุกครั้งที่ใช้ความคิด แสดงความรู้สึก หรือแสดงอุปนิสัยออกมา เซลล์ประสาทเหล่านั้นจะเชื่อมต่อไปมาระหว่างกันภายในสมองด้วยระบบเส้นทางการเดินทางของระบบประสาทที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว เมื่อเซลล์ประสาทในสมองถูกใช้งานบ่อยๆ (ทั้งทางความคิด ความรู้สึกและการกระทำ) จะทำให้เซลล์สมองนั้นส่งสัญญาณเชื่อมโยงซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นภายในสมองนี้สามารถนำมาอธิบายการใช้ศักยภาพของมนุษย์ได้ว่า มนุษย์จะใช้ศักยภาพเดิมหรือใช้มันได้อย่างอัตโนมัตินั้น เป็นเพราะระบบการทำงานที่เกิดขึ้นภายในสมองนั่นเอง
- ศักยภาพ ไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งที่เราทำได้ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่เรามีเป้าหมายว่าจะทำได้ดียิ่งขึ้นในอนาคตอีกด้วย และในระหว่างที่เราได้ใช้ศักยภาพของเรานั้น เราจะรู้สึกมีพลังและจดจ่ออยู่กับมัน หลังจากนั้นก็จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า เหมือนได้รับการเติมเต็ม
- ศักยภาพที่มีในแต่ละบุคคล จะสะท้อนความสนใจและความหลงใหลของบุคคลนั้น เมื่อเรามีโอกาสได้ใช้ศักยภาพและแสดงความเป็นตัวเองออกมา รวมถึงได้ยืนยันในจุดยืนตั้งต้นของตนเองอย่างมีสมดุล นั่นจะช่วยให้เราได้เป็นตัวเอง และค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
- อิงจากงานวิจัยของ Marcus Buckingham ค้นพบว่า การหมั่นใช้ศักยภาพของเรา จะช่วยให้เราได้ปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดออกมา โดย 21% ของมนุษย์เชื่อว่าคนเราจะเติบโตได้ดีขึ้น ถ้าได้ฝึกฝนและเรียนรู้จุดอ่อนของตนเอง อีกทั้งยังได้รับประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมผ่านการเรียนรู้และเกิดสัมฤทธิ์ผลสูงสุดจากการใช้ศักยภาพของตนเองอีกด้วย
ศาสตราจารย์ Ryan Niemiec นักจิตวิทยาและครูผู้สอนเรื่องศักยภาพระดับโลก ได้อธิบายไว้ว่า ศักยภาพของมนุษย์นั้น จะหมายรวมถึงสิ่งที่เป็นพรสวรรค์ (Talents) คุณลักษณะอันเป็นจุดแข็ง (Character Strengths) สิ่งที่เป็นความสนใจ (Interests) และคลังข้อมูล (Resources) ด้วย
1 พรสวรรค์ (Talents):
- พรสวรรค์ ที่มีของเรา จะช่วยบ่งบอกถึงธรรมชาติที่เป็นตัวเรา ทั้งเรื่องของความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมที่แสดงออกมา สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้และเมื่อเราได้ใช้พรสวรรค์ของเราอย่างเต็มที่ เราก็จะเกิดแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจจากสิ่งรอบๆ ตัวคุณ ผ่านการรับรู้ต่างๆ และนำมาพัฒนาตัวเองต่อไป
- ดร. Donald Clifton ผู้เขี่ยวชาญด้านจิตวิทยา เชื่อว่าการฝึกฝนเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ช่วยให้เกิดความสมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาศักยภาพ จำเป็นต้องอาศัยพรสวรรค์ที่ติดตัวมาด้วย
- พรสวรรค์ของแต่ละบุคคลจะเกี่ยวข้องกับธรรมชาติในการคิด ความรู้สึก และการประพฤติปฏิบัติตัว ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ตัวอย่างเช่น คนที่มีพรสวรรค์ด้านการคิดวิเคราาะห์ ก็มักจะมีความสามารถด้านการสืบค้น หาเหตุและผลของเรื่องราวต่างๆ ได้ดี หรือคนที่มีพรสวรรค์ด้านการสร้างความสัมพันธ์ ก็มักจะเป็นผู้ที่สนุกสนานกับการผูกมิตรสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้คนรอบตัว เป็นต้น
- พรสวรรค์ ยังแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เราชอบทำและสะท้อนถึงความสามารถที่แท้จริงของแต่ละบุคคลอีกด้วย
2 คุณลักษณะอันเป็นจุดแข็ง (Character Strengths):
- คุณลักษณะอันเป็นจุดแข็ง คือคุณค่าและคุณสมบัติที่สำคัญของแต่ละบุคคล เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากภายใน และมีคุณค่า มีความถูกต้องเหมาะสมในตัวของมันเอง แต่เราไม่สามารถใช้คุณลักษณะเหล่านั้นสำหรับการสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
- คุณลักษณะอันเป็นจุดแข็ง จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับรูปแบบตัวตนของแต่ละคนที่ถูกตั้งขึ้นและขึ้นอยู่กับความสามารถที่มีต่อการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วย
- การนำคุณลักษณะอันเป็นจุดแข็งมาใช้ในการใช้ชีวิตประจำวัน คือการได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ สร้างสรรค์ตัวตนและแสดงจุดยืนตั้งต้นของตัวเองออกมา
- คุณลักษณะอันเป็นจุดแข็ง ยังช่วยแสดงให้เห็นถึง “วิธีการที่เราลงมือทำสิ่งต่างๆ นั้นอย่างไร” และช่วยสะท้อนให้เห็นถึง “คุณค่าที่เรายึดถือไว้” อีกด้วย
- 3 สิ่งที่เป็นความสนใจ (Interests) :
- ความสนใจ คือแรงกระตุ้นที่เกิดขึ้นจากภายในของเรา ก่อตัวขึ้นจากความหลงใหลในหลายๆ สิ่ง ทั้งกิจกรรมที่เราสนใจ หรือเรื่องที่เราปรารถนาจะทำให้สำเร็จลุล่วง
- ความสนใจจะทำให้เราสนุกกับการลงมือทำ และเป็นตัวช่วยในการกำหนดว่าความตั้งใจของเรานั้นจะเดินทางไปในทิศทางไหน
- มีงานวิจัยที่นำเสนอว่า ความสนใจจะเป็นกุญแจสำคัญ ที่ช่วยให้เกิดการลงมือฝึกฝนและพัฒนาศักยภาพของตนเอง อีกทั้งยังนำพาให้เราบรรลุความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
- ดร. Alex Linley หนึ่งในนักวิจัยเรื่องการพัฒนาศักยภาพ มีข้อแนะนำในการค้นหาความสนใจ ด้วยการสังเกตว่าโดยปกติแล้ว ความสนใจของเรานั้นมุ่งไปที่ไหน เพราะคนเรามักจะสนใจในสิ่งที่ล้อไปกับศักยภาพที่มีของตนเอง ลองค้นหาสิ่งที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเอง มีกิจกรรมใดบ้างที่เรารักที่จะทำ เพราะเมื่อเราทำในสิ่งที่เรารัก เรามักจะได้ใช้ศักยภาพของเราไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าความสนใจของเรานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามบริบทและสภาวการณ์ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือการหมั่นค้นหาตัวตนของตนเองอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราสังเกตได้ว่า อะไรคือสิ่งที่กำลังอยู่ในความสนใจของเรา ณ ช่วงเวลาขณะนั้น
- 4 คลังข้อมูล (Resources):
- เพื่อการพัฒนาศักยภาพให้เป็นไปอย่างถูกทิศทาง เราจำเป็นต้องบำรุงหล่อเลี้ยงมันด้วยคลังข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัว ซึ่งคลังข้อมูลที่หมายถึง คือ คลังความรู้เชิงทฤษฎี (Factual Knowledge) คลังความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ (Experiential Knowledge) และคลังความรู้ผ่านกลุ่มเครือข่าย (Networks)
- คลังความรู้เชิงทฤษฎี (Factua Knowledge) คือคลังข้อมูลที่เกิดจากการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน ที่เราสามารถนำข้อมูลมาใช้เป็นประโยชน์ในการทำงานได้
- คลังความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ (Experiential Knowledge) คือคลังข้อมูลที่เราเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ ซึ่งจะช่วยให้เราได้ใช้ศักยภาพอันเป็นจุดแข็งและรู้ว่าเราถนัดในเรื่องใด และมีด้านไหนบ้างที่ยังต้องพัฒนาต่อไปได้อีก
- คลังความรู้ผ่านกลุ่มเครือข่าย (Networks) คือคลังความรู้ที่เกิดจากกลุ่มของบุคลากรที่รายล้อมรอบตัวเรา และให้การสนับสนุนช่วยเหลือ เป็นกำลังใจ รวมทั้งชื่นชมยินดีในศักยภาพที่เรามี ซึ่งอาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานในองค์กร หัวหน้างาน อาจารย์ คนในครอบครัว หรือใครก็ตามที่เดินอยู่ในเส้นทางเดียวกับเรา บรรดาผู้คนที่อยู่ในกลุ่มเครือข่ายสังคมเหล่านี้จะช่วยให้เราได้พัฒนาศักยภาพไปพร้อมๆ กับให้ความช่วยเหลือ และมิตรไมตรีจากพวกเขาเหล่านั้น จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเราเองอีกด้วย อีกทั้งการเรียนรู้จากกลุ่มเครือข่ายยังเป็นช่องทางที่เปิดโอกาสให้เราได้เข้าถึงแหล่งความรู้และประสบการณ์ที่เราไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยตัวเอง ผ่านการสอบถามและบอกเล่าจากผู้รู้หรือผู้ที่เคยประสบผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาก่อน
ที่มา : หนังสือ Your Strengths Blueprint : How to be Engaged , Energized,and Happy at work ของ Michelle Mcquaid และ Erin Lawn
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
LINE ID : the3worldscreator
Tel. 02-530-9150,093-245-9985