Inner Journey
เลี้ยงลูกด้วยรักและเข้าใจ
อยากเลี้ยงลูกวัยรุ่นให้ได้ดี แต่ไม่รู้วิธีพูดดีๆ กับลูกอยู่ใช่ไหม?
ที่เป็นเช่นนี้มีสาเหตุมาจาก
1. ขาดความรู้ความเข้าใจ
2. คาดหวังอยากให้ลูกได้ดั่งใจ
3. ยึดถือความคิดตนเองเป็นใหญ่
จริงไหมคะ?
หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ กระทบกระทั่ง มีปากเสียงทะเลาะกัน ในที่สุดอาจหันหลังเดินกันคนละทาง คุณต้องรู้สึกเสียใจมาก จริงไหมคะ ?
ทุกคนเกิดมาล้วนอยากได้รับความรัก ความเข้าใจจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะความรักที่พ่อ แม่ มีต่อลูก
ยิ่งรักมากเท่าใดยิ่งทุ่มเทมากเท่านั้น บางครั้งความรักของเราอาจกลายเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างกันโดยไม่รู้ตัว
เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่นเป็นวัยฮอร์โมน กำลังพลุ่นพล่าน อาจนำความว้าวุ่นใจมาให้แก่พ่อ แม่
ที่เป็นเช่นนี้มีสาเหตุมาจาก
1. ขาดความรู้ความเข้าใจ
2. คาดหวังอยากให้ลูกได้ดั่งใจ
3. ยึดถือความคิดตนเองเป็นใหญ่
จริงไหมคะ?
หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ กระทบกระทั่ง มีปากเสียงทะเลาะกัน ในที่สุดอาจหันหลังเดินกันคนละทาง คุณต้องรู้สึกเสียใจมาก จริงไหมคะ ?
ทุกคนเกิดมาล้วนอยากได้รับความรัก ความเข้าใจจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะความรักที่พ่อ แม่ มีต่อลูก
ยิ่งรักมากเท่าใดยิ่งทุ่มเทมากเท่านั้น บางครั้งความรักของเราอาจกลายเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างกันโดยไม่รู้ตัว
เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่นเป็นวัยฮอร์โมน กำลังพลุ่นพล่าน อาจนำความว้าวุ่นใจมาให้แก่พ่อ แม่
การเลี้ยงลูกวัยนี้ต้องเลี้ยงด้วยความรักความเข้าใจ การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ “จะพูดอย่างไรให้ลูกฟัง จะฟังอย่างไรเมื่อลูกพูด”
1. หนังสือ How to talk so kids will listen and listen so kids will talk. เขียนโดย Adele Faber และ Elaine Mazlish ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการสื่อสารกับเด็ก เป็นหนังสือที่บอกวิธีพูดกับลูก
ทำให้เขายอมรับ เชื่อฟังและไว้วางใจ ช่วยให้เขารู้สึกดีต่อตัวเอง มีความเข้มแข็งทางจิตใจ พร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้น
การพูดกับลูกวัยนี้ต้องใช้วิธีสะท้อนอารมณ์ความรู้สึก อย่าใช้คำสั่งหรือข้อห้ามเหมือนที่ผ่านมา
เช่น เห็นลูกสูบบุหรี่ แทนที่จะใช้คำว่า ห้ามสูบบุหรี่ ลองเปลี่ยนมาถามว่า ทำไมลูกจึงอยากสูบ แล้วค่อยๆ ชี้ให้ลูกเห็นโทษ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน
การพูดต้องใช้คำพูดเชิงสร้างสรรค์อย่าด่วนตัดสินและตำหนิ ติเตียน ว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งไม่ถูกไม่ดี ให้ใช้ภาษากาย สีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง ด้วยความเข้าใจ
หากลูกทำสิ่งใดเป็นสิ่งที่ดีให้กล่าวชมเชย หากลูกทำผิดอะไรให้ใช้วิธีการพูดคุยแทนการลงโทษ
เมื่อลูกมีอารมณ์พลุ่งพล่าน หงุดหงิด รำคาญ สอนให้เข้าใจ อารมณ์ ความรู้สึกที่เกิดขึ้น
วัยนี้เป็นวัยที่พลังเยอะหากิจกรรมให้ลูกทำ เช่น การออกกำลังกายที่ต้องเอาพลังงานออกมา
2. พ่อ แม่ มักคาดหวังอยากให้ลูกได้ดั่งใจ การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องดูว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ลูกต้องการหรือไม่ หรือเป็นเพียงความต้องการของพ่อ แม่ แต่ฝ่ายเดียว
การปรึกษา หารือ ร่วมกันเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญ คือ แต่ละคนล้วนมีเส้นทางของตัวเอง มีความรู้ ความถนัดที่แตกต่างกัน หากมีการหันหน้าพูดคุย ปรึกษา แลกเปลี่ยน จะทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน 3. การยึดมั่นถือมั่นความคิดของตนว่าถูก ลูกต้องทำตามทุกอย่าง โลกสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไป พ่อ แม่ ต้องเลี้ยงลูกตามวัย เข้าใจว่า ลูกวัยนี้ต้องการสิ่งใด การเรียนรู้ของเด็กวัยนี้ ต้องการหาประสบการณ์ด้วยตนเอง ลองผิด ลองถูก พ่อ แม่ มีหน้าที่คอยประคับประคอง และให้คำแนะนำที่ถูกต้อง |
จากประสบการณ์เลี้ยงลูกชายวัยรุ่น 2 คน ฉันเลี้ยงลูกด้วยหลักการ ดังนี้
1. เลี้ยงลูกตามวัย ด้วยการศึกษา หาความรู้ อ่านหนังสือ เข้า Work shop เรื่องการเลี้ยงลูก พูดคุย ปรึกษาหารือกับพ่อ แม่ ที่มีลูกวัยใกล้เคียงกัน ทำให้เปิดมุมมองใหม่ ได้เทคนิคและวิธีการใหม่ๆ ช่วงวัยรุ่นพลังเยอะฉันชวนลูกออกกำลังกาย เล่นเทนนิส ว่ายน้ำ วิ่ง เข้า fitness สร้างความแข็งแรงทางร่างกาย พาลูกทำกิจกรรมด้านสังคมทำตนให้เป็นประโยชน์ช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง นอกจากนั้น ฉันพาลูกฝึกพัฒนาจิตใจ ด้วยการภาวนาให้เข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก ที่เกิดขึ้นภายใน |
2. เลี้ยงลูกด้วยความเข้าใจ
วัยนี้เป็นวัยแสวงหา ต้องการความเป็นตัวของตัวเอง จึงทดลองสิ่งต่างๆ
อยากรู้ว่า ตัวเองต้องการอะไร พ่อ แม่ ต้องทำตัวเป็นเพื่อนคอยรับฟังมิใช่สั่งสอน
ฉันฝึกการฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening) ตั้งใจฟังเรื่องที่ลูกเล่า สังเกตอารมณ์ ความรู้สึก
หลังจากฟังจบฉันถามว่า ลูกรู้สึกเช่นนี้ใช่ไหม อยากให้แม่ช่วยอะไร?
ขณะพูดให้ใช้น้ำเสียงที่แสดงความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ สิ่งนี้จะทำให้ลูกรู้ว่า เรายอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
3. เคารพการตัดสินใจของลูก
ให้โอกาสเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง
พ่อ แม่มีหน้าที่สนับสนุน หาข้อมูล หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาหารือหาทางออกร่วมกัน
การทำเช่นนี้เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ลูกจะมีความเชื่อมั่น กล้าตัดสินใจ ที่จะเดินต่อไปด้วยความมั่นใจว่ามีพ่อ แม่ อยู่เคียงข้างเสมอ
วัยนี้เป็นวัยแสวงหา ต้องการความเป็นตัวของตัวเอง จึงทดลองสิ่งต่างๆ
อยากรู้ว่า ตัวเองต้องการอะไร พ่อ แม่ ต้องทำตัวเป็นเพื่อนคอยรับฟังมิใช่สั่งสอน
ฉันฝึกการฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening) ตั้งใจฟังเรื่องที่ลูกเล่า สังเกตอารมณ์ ความรู้สึก
หลังจากฟังจบฉันถามว่า ลูกรู้สึกเช่นนี้ใช่ไหม อยากให้แม่ช่วยอะไร?
ขณะพูดให้ใช้น้ำเสียงที่แสดงความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ สิ่งนี้จะทำให้ลูกรู้ว่า เรายอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
3. เคารพการตัดสินใจของลูก
ให้โอกาสเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง
พ่อ แม่มีหน้าที่สนับสนุน หาข้อมูล หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาหารือหาทางออกร่วมกัน
การทำเช่นนี้เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ลูกจะมีความเชื่อมั่น กล้าตัดสินใจ ที่จะเดินต่อไปด้วยความมั่นใจว่ามีพ่อ แม่ อยู่เคียงข้างเสมอ
สิ่งที่ทำให้ฉันรู้ว่า วิธีการเลี้ยงลูกที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คือ จดหมายที่เขียนด้วยลายมือของลูกชายทั้งสองที่มอบให้ โดยเขียนว่า
“ ขอบคุณแม่ที่เลี้ยงพวกเรามาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ แม่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เป็นตัวอย่างที่ดี
แม่ทำทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์ คอยแนะนำทุกเรื่อง ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องแนวทางอาชีพในอนาคต
แม่ดูแลปกป้องพวกเรา เป็นที่พึ่งทางใจ เป็นเพื่อนคอยปลอบใจ รับฟังทุกเรื่องราวโดยไม่ตัดสินหรือต่อว่าอะไร
พวกเราสัญญาว่าจะทำให้พ่อ แม่ ภูมิใจ ประสบความสำเร็จ ทำให้ทุกคนเห็นว่า วิธีการเลี้ยงลูกของแม่ถูกต้องและสุดยอดที่สุดครับ ”
จดหมายฉบับนี้ทำให้ฉันรู้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ลาออกจากงานที่รักมาทำหน้าที่เลี้ยงลูกด้วยหัวใจ
เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตมากกว่าสิ่งใด ขอส่งกำลังใจให้พ่อ แม่ทุกท่านได้ใช้แนวทางนี้ในการเลี้ยงลูกต่อไป
คุณคงไม่ปฏิเสธที่จะใช้วิธีการเลี้ยงลูกด้วยรัก สื่อสารด้วยความเข้าใจตั้งแต่วันนี้ใช่ไหมคะ?
ปาริชาติ รักตะบุตร
9 เมษายน 2564
ภาพนี้ไปบรรยายแนวทางการเลี้ยงลูกให้กลุ่มพ่อ แม่ ฟังที่บริษัท The Three Worlds Creator วันที่ 29 สิงหาคม 2561
ขอขอบคุณ
คุณชินริณี (พี่ณี) วีระวุฒิวงศ์ ที่สร้างพื้นที่แห่งการแบ่งปัน
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985