Inner Journey
บ้าน - การงาน - ชีวิต (ตอนที่ 4)
พี่เริ่มเส้นทางการทำงานตามฝันของตัวเองในวันที่ลูก 3 คนยังเล็กมาก ถ้าจำไม่ผิดปรางเพิ่งขึ้น ป.3 ปัญญ์ยังอยู่อนุบาลและโอมยังไม่เข้าโรงเรียน พี่ต้องปรับตัวอย่างมากกับบทบาทใหม่ที่รวมหน้าที่แม่ ภรรยา และผู้นำองค์กรไว้ด้วยกัน
การมีแก่นยึดและภาพนำทางช่วยให้พี่รับบทบาทใหม่ได้อย่างไม่เคอะเขิน นอกจาก Sekem องค์กรที่พลิกทะเลทรายให้เป็นโอเอซิสแล้ว พี่ยังมีโรงเรียนลูกและคุณครูวอลดอร์ฟอาวุโสหลายท่านเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจ พี่บอกกับน้องทุกคนที่ออฟฟิศว่าองค์กรเราเกิดมาจากครู ถ้าไม่มีครูก็ไม่มีพวกเราในวันนี้
ข้อดีของการมีออฟฟิศอยู่ใกล้โรงเรียนทำให้พี่ได้ลงเรียนหลักสูตรการศึกษาวอลดอร์ฟและขยายผลไปเรียนเรื่องการแพทย์ ศิลปะบำบัด การศึกษาบำบัด เกษตรพลวัต (Biodynamic Farm) และวิชา Biography ยิ่งพี่เรียนมากเท่าไหร่ พี่ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเล็กลงเรื่อยๆ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่พี่ไม่รู้
ช่วงเรียนสมัยแรกๆ พี่กลับมาเล่าให้พี่สมบูรณ์ฟังทุกครั้ง จนตอนหลังที่เรียนจบหลายสาขาวิชาชีพทั้งในและต่างประเทศ พี่เริ่มเงียบลงเพราะไม่รู้จะเริ่มเล่าเรื่องอะไรก่อนดี ทุกเรื่องสอดประสานแต่พูดในคนละมุมมอง
ความลุ่มลึกของเนื้อหาที่มีแก่นของปรัชญา มองชีวิตเป็นปรากฏการณ์ และตั้งอยู่บนสมมุติฐานของวิทยาศาสตร์ เปลี่ยนทัศนคติในการมองโลกของพี่ไปอย่างสิ้นเชิง ทุกครั้งที่จบหลักสูตร ครูจะถามนักเรียนทุกว่า “เธอจะเอาความรู้นี้ไปช่วยสังคมหรือประเทศของเธอได้อย่างไร” พี่เริ่มตระหนักถึงหน้าที่ใหม่ในฐานะผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ความท้าทายใหม่ของพี่คือจะนำความรู้นี้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้อย่างไร สิ่งที่เรียนทั้งหมดมุ่งสร้างอนาคตที่ดีกว่า เน้นการสร้างความเข้มแข็งและการเปลี่ยนแปลงจากภายในก่อนไปสร้างการเปลี่ยนแปลงภายนอก
ปัญหาใหญ่ของพี่คือการอธิบายสิ่งที่เรียนให้น้อง 12 คนที่ออฟฟิศผู้มีพื้นฐานความรู้มนุษย์ปรัชญาเป็นศูนย์เข้าใจง่ายๆ ได้อย่างไร ยังไม่นับรวมหน้าที่วิทยากรในองค์กรต่างๆ พี่กลายเป็นคนพูดภาษาเทพที่ไม่มีใครเข้าถึงและไม่มีคนเข้าใจ
ความท้าทายนี้ทำให้พี่ต้องกลับมาทบทวนตัวเองชนิดพลิกฝ่ามือเพราะน้องที่ออฟฟิศทุกคนเริ่มเบ้หน้า เมื่อพี่พูดถึงโรงเรียนลูก การศึกษาของลูก และอนาคตของโลก
....เพราะสิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา หนทางใหม่ในการเรียนรู้ด้วยใจคืออะไร ติดตามตอนต่อไปค่ะ
รัก
พี่ณี
6/3/64
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985
การมีแก่นยึดและภาพนำทางช่วยให้พี่รับบทบาทใหม่ได้อย่างไม่เคอะเขิน นอกจาก Sekem องค์กรที่พลิกทะเลทรายให้เป็นโอเอซิสแล้ว พี่ยังมีโรงเรียนลูกและคุณครูวอลดอร์ฟอาวุโสหลายท่านเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจ พี่บอกกับน้องทุกคนที่ออฟฟิศว่าองค์กรเราเกิดมาจากครู ถ้าไม่มีครูก็ไม่มีพวกเราในวันนี้
ข้อดีของการมีออฟฟิศอยู่ใกล้โรงเรียนทำให้พี่ได้ลงเรียนหลักสูตรการศึกษาวอลดอร์ฟและขยายผลไปเรียนเรื่องการแพทย์ ศิลปะบำบัด การศึกษาบำบัด เกษตรพลวัต (Biodynamic Farm) และวิชา Biography ยิ่งพี่เรียนมากเท่าไหร่ พี่ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเล็กลงเรื่อยๆ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่พี่ไม่รู้
ช่วงเรียนสมัยแรกๆ พี่กลับมาเล่าให้พี่สมบูรณ์ฟังทุกครั้ง จนตอนหลังที่เรียนจบหลายสาขาวิชาชีพทั้งในและต่างประเทศ พี่เริ่มเงียบลงเพราะไม่รู้จะเริ่มเล่าเรื่องอะไรก่อนดี ทุกเรื่องสอดประสานแต่พูดในคนละมุมมอง
ความลุ่มลึกของเนื้อหาที่มีแก่นของปรัชญา มองชีวิตเป็นปรากฏการณ์ และตั้งอยู่บนสมมุติฐานของวิทยาศาสตร์ เปลี่ยนทัศนคติในการมองโลกของพี่ไปอย่างสิ้นเชิง ทุกครั้งที่จบหลักสูตร ครูจะถามนักเรียนทุกว่า “เธอจะเอาความรู้นี้ไปช่วยสังคมหรือประเทศของเธอได้อย่างไร” พี่เริ่มตระหนักถึงหน้าที่ใหม่ในฐานะผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ความท้าทายใหม่ของพี่คือจะนำความรู้นี้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้อย่างไร สิ่งที่เรียนทั้งหมดมุ่งสร้างอนาคตที่ดีกว่า เน้นการสร้างความเข้มแข็งและการเปลี่ยนแปลงจากภายในก่อนไปสร้างการเปลี่ยนแปลงภายนอก
ปัญหาใหญ่ของพี่คือการอธิบายสิ่งที่เรียนให้น้อง 12 คนที่ออฟฟิศผู้มีพื้นฐานความรู้มนุษย์ปรัชญาเป็นศูนย์เข้าใจง่ายๆ ได้อย่างไร ยังไม่นับรวมหน้าที่วิทยากรในองค์กรต่างๆ พี่กลายเป็นคนพูดภาษาเทพที่ไม่มีใครเข้าถึงและไม่มีคนเข้าใจ
ความท้าทายนี้ทำให้พี่ต้องกลับมาทบทวนตัวเองชนิดพลิกฝ่ามือเพราะน้องที่ออฟฟิศทุกคนเริ่มเบ้หน้า เมื่อพี่พูดถึงโรงเรียนลูก การศึกษาของลูก และอนาคตของโลก
....เพราะสิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา หนทางใหม่ในการเรียนรู้ด้วยใจคืออะไร ติดตามตอนต่อไปค่ะ
รัก
พี่ณี
6/3/64
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985