Inner Journey
อิตาลี...อาณาจักรโรมันอันรุ่งเรือง (ตอนที่ 1)
อิตาลีคือจุดหมายในการท่องโลกกว้างของครอบครัวเราในช่วงสิ้นปี พ่อลูกเริ่มวางแผนเที่ยวหลังกลับจากฮอกไกโดเพราะอยากเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการเดินทางครั้งนี้ แม้รู้เพียงว่าจะมายุโรป สิ่งที่พี่ทำได้อย่างเดียวคือพยายามเตรียมร่างกายให้พร้อมหลังขับพิษ
ทุกครั้งของการเดินทางพี่จะมีสิ่งของสำคัญ 3 สิ่งที่นำติดตัวมาเสมอคือรูปพระ, ยาและหนังสือ เมื่อก่อนล่วมยาแม่จะใหญ่มากเพราะแม่เป็นตู้ยาเคลื่อนที่ แต่ครั้งนี้ลดขนาดให้เล็กลงเหลือแค่ยาที่สกัดจากดอกไม้หรือ Bach Flower ขนาด 10 ซีซี 3 ขวด ยาห้าราก จันทลีลาและขมิ้นชัน หนังสือเล่มเดียวที่หยิบมาคือ “เราต่างเป็นนักออกแบบ”
พี่รู้จักอิตาลีผ่านศาสตราจารย์เอซิโอ มานซินี่ ตอนเข้า Workshop 3 วันเรื่อง “การออกแบบนวัตกรรมสังคมไทย” กับท่านเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ท่านเล่าให้ฟังว่าอิตาลีมีสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ ทั้งโบสถ์ มหาวิหารและสถานที่สำคัญที่งดงามและทรงคุณค่าทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทุกๆ ปีนักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลมาเสพความงาม ถ่ายรูปและกลับไปโดยไม่มีความเชื่อมโยงกับสถานที่ที่ตนมาเยือนแต่อย่างใด
สิ่งที่รัฐบาลและศาสตราจารย์เอซิโอทำคือออกแบบชีวิตความเป็นอยู่ให้ผู้คน บ้านเรือน ถนนหนทางสามารถดำรงอยู่ร่วมกันกับอาณาจักรโรมันอันรุ่งเรืองในอดีตและเชื่อมโยงกับนักท่องเที่ยงจำนวนมหาศาลในแต่ละปีได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ปัจจุบันรัฐบาลอิตาลีได้ถอดรหัสบทเรียนและเปลี่ยนศิลปะ วัฒนธรรม และจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ในอดีตให้สะท้อนผ่านชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้ถึงแก่นแกนและความรุ่งเรืองแบบร่วมสมัย การมาเยือนอิตาลีครั้งนี้จึงเป็นการรับรู้โลกด้วยมุมมองใหม่ผ่านประสบการณ์จริง
เรามาถึงโรมตอนใกล้รุ่งสาง แสงสวยยามเช้าช่วยให้การปรับตัวย้อนกาลเวลาโลกที่ต่างกัน 6 ชั่วโมงเป็นไปอย่างสดชื่น อาจเป็นเพราะได้นอนยาวบนเครื่อง 11 ชั่วโมงกว่าๆทำให้เราทุกคนพร้อมที่จะการเดินทางตามตารางที่พ่อลูกจัดไว้
พี่สมบูรณ์เช่ารถขับเหมือนทุกครั้ง พี่นั่งฟังบทสนทนาของเจ้าหน้าที่ที่ให้คำแนะนำเรื่องรถเช่าอย่างมีชีวิตชีวา เธอเลือกรถใหญ่ให้เหมาะกับจำนวน 5 คน ความมีชีวิตชีวาทำให้พี่อดยกกล้องมาถ่ายรูปเธอไว้ไม่ได้
พี่สะดุดคำว่า “Moving Your Way” หรือ “เคลื่อนไปในแบบของคุณ” อย่างแปลกๆ ตอนออกมารับรถเห็นป้ายนี้อีกรอบที่ลานจอดรถ พี่หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้เพราะถ่ายตรงเคาน์เตอร์ไม่ทัน ไม่รู้ว่าตัวเองถ่ายไปทำไม รู้เพียงว่าตัวเองสะดุดใจกับคำนี้มากๆ อาจเป็นเพราะคำที่บ่งบอกนัยสำคัญให้พวกเราทั้ง 5 คน “มุ่งไปบนหนทางของตัวเอง”
หลังขึ้นรถพี่สมบูรณ์บอกพวกเราว่า “รถเป็นเกียร์กระปุก” เธอวิ่งกลับไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อขอเปลี่ยนรถ เจ้าหน้าที่แจ้งว่ารถใหญ่สำหรับ 5 คนไม่มีรถเกียร์ออโต้ ที่สำคัญเราจองมาแบบ Manual รถเช่าในช่วงเทศกาลถูกจองล่วงหน้าไว้หมดแล้ว
พี่สมบูรณ์ต้องใช้เวลาสักระยะในการปรับตัวมาขับรถพวงมาลัยซ้ายด้วยเกียร์กระปุกที่ต้องเหยียบคลัช เหยียบเบรค เปลี่ยนเกียร์สูง เกี่ยร์ต่ำ ต้องจัดจังหวะทุกอย่างใหม่หมด พวกเราทั้งรถช่วยลุ้นกันมากเพราะเป็นห่วงพ่อที่เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยความท้าทายเพราะแผนที่ใน Google Map ดูยากมาก
รถเราถูกคนบีบแตรไล่ตลอดทาง ส่วนใหญ่มาจากรถดับกลางทางเพราะเปลี่ยนเกียร์หรือขับช้าเพราะไม่รู้ทาง เราสรุปกันเองว่าคนที่นี่ใจร้อนมาก พี่สมบูรณ์พยายามหลบให้รถคันหลังที่ติดยาวแซงหน้าไปให้มากที่สุด พี่หันไปยกมือไหว้พระที่วางไว้หน้ารถภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี
บนความทุลักทุเลบนท้องถนน ขับรถหลงอยู่หลายรอบ เรายังมีโอกาสได้เห็นสถาปัตยกรรมที่งดงามระหว่างทาง และสุดท้ายเราก็ขับรถไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ 2 แห่งคือโบสถ์และมหาวิหาร Pantheon วิหารที่ทำหน้าที่บูชาเหล่าเทพมาหลายร้อยปี จนปี ค.ศ. 608 ได้เปลี่ยนมาทำหน้าที่เป็นโบสถ์คริสต์ จึงทำให้วิหารแพนธีออนไม่ถูกทำลายดั่งเช่นวิหารเทพเจ้าอื่นๆ ความงามและความยิ่งใหญ่ของสถานที่ทำให้พวกเราคลายความกังวลเรื่องการขับรถไปได้มาก
ปรางบอกแม่ว่า “ที่อื่นไปไม่ถึงไม่เป็นไรนะแม่ แต่ปรางขอมาที่นี่ให้ได้” แม่เพิ่งรู้ที่หลังว่ามหาวิหารแห่งนี้บูชาเทพอาธีน่าซึ่งเป็นเทพแห่งปัญญาและการสงคราม ลูกๆ ชี้ไปที่เสาและคุยกันอย่างออกรสเรื่องเสาทรงโรมันที่ตั้งอยู่ด้านใน ลูกทั้ง 3 คนเรียนเรื่องเทพอาธีน่าตั้งแต่ ป. 6 และกลับมาเรียนอีกครั้งตอนอยู่มัธยม หนังสือนอกเวลาเรียนที่ครูแนะนำให้อ่านคือหนังสือเพอร์ซี่ย์ แจ๊กสัน ที่ทำให้เด็กๆ ยังเชื่อมต่อกับเรื่องราวของเทพต่างๆ ได้จนถึงวันนี้
ลูกๆ หันมาถามแม่ว่า “แม่ไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ยุโรปหรือ” แม่ตอบว่า “พ่อแม่ไม่ได้เรียนโรงเรียนวอลดอร์ฟเราเลยไม่เคยรู้เรื่องแบบนี้มาก่อน” ในขณะที่ลูกๆ ตื่นเต้นกับบทเรียนที่มีชีวิตตรงหน้า พวกเขาถูกเตรียมให้เข้าใจว่าความรุ่งเรืองและความร่วงโรยของทุกอารยธรรมที่เกิดขึ้นเพราะน้ำมือมนุษย์ อนาคตทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับสองมือของเขาเช่นกัน
แม่หันกลับไปมองรอบๆ สถานที่ที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน เข้าใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงบีบแตรไล่รถเรา ถ้านึกในมุมของเจ้าบ้าน นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเช่ารถขับเหมือนครอบครัวเรา คงมีรถหลายคันที่ไม่รู้เส้นทางเหมือนเรา ชีวิตของเราทั้งหมดกระทบและเชื่อมโยงกันแบบไม่รู้ตัว การบีบแตรหลายครั้งเป็นไปเพื่อบอกทาง แต่เราตกใจเลยไม่ทันได้หันไป “ขอบคุณ” เราแทบมองไม่เห็นความปรารถนาดีใดๆ ที่ชีวิตส่งมา
นี่เป็นเพียงวันแรกที่ยังเดินทางไม่ถึงที่พัก เรา 5 คนจะใช้ชีวิตท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนอลหม่านบนอาณาจักรโรมันที่ยิ่งใหญ่พร้อมเหล่าทวยเทพและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากบ้านเราได้อย่างไร ติดตามตอนต่อไปค่ะ
รัก
พี่ณี
25/12/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150
ทุกครั้งของการเดินทางพี่จะมีสิ่งของสำคัญ 3 สิ่งที่นำติดตัวมาเสมอคือรูปพระ, ยาและหนังสือ เมื่อก่อนล่วมยาแม่จะใหญ่มากเพราะแม่เป็นตู้ยาเคลื่อนที่ แต่ครั้งนี้ลดขนาดให้เล็กลงเหลือแค่ยาที่สกัดจากดอกไม้หรือ Bach Flower ขนาด 10 ซีซี 3 ขวด ยาห้าราก จันทลีลาและขมิ้นชัน หนังสือเล่มเดียวที่หยิบมาคือ “เราต่างเป็นนักออกแบบ”
พี่รู้จักอิตาลีผ่านศาสตราจารย์เอซิโอ มานซินี่ ตอนเข้า Workshop 3 วันเรื่อง “การออกแบบนวัตกรรมสังคมไทย” กับท่านเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ท่านเล่าให้ฟังว่าอิตาลีมีสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ ทั้งโบสถ์ มหาวิหารและสถานที่สำคัญที่งดงามและทรงคุณค่าทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทุกๆ ปีนักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลมาเสพความงาม ถ่ายรูปและกลับไปโดยไม่มีความเชื่อมโยงกับสถานที่ที่ตนมาเยือนแต่อย่างใด
สิ่งที่รัฐบาลและศาสตราจารย์เอซิโอทำคือออกแบบชีวิตความเป็นอยู่ให้ผู้คน บ้านเรือน ถนนหนทางสามารถดำรงอยู่ร่วมกันกับอาณาจักรโรมันอันรุ่งเรืองในอดีตและเชื่อมโยงกับนักท่องเที่ยงจำนวนมหาศาลในแต่ละปีได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ปัจจุบันรัฐบาลอิตาลีได้ถอดรหัสบทเรียนและเปลี่ยนศิลปะ วัฒนธรรม และจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ในอดีตให้สะท้อนผ่านชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้ถึงแก่นแกนและความรุ่งเรืองแบบร่วมสมัย การมาเยือนอิตาลีครั้งนี้จึงเป็นการรับรู้โลกด้วยมุมมองใหม่ผ่านประสบการณ์จริง
เรามาถึงโรมตอนใกล้รุ่งสาง แสงสวยยามเช้าช่วยให้การปรับตัวย้อนกาลเวลาโลกที่ต่างกัน 6 ชั่วโมงเป็นไปอย่างสดชื่น อาจเป็นเพราะได้นอนยาวบนเครื่อง 11 ชั่วโมงกว่าๆทำให้เราทุกคนพร้อมที่จะการเดินทางตามตารางที่พ่อลูกจัดไว้
พี่สมบูรณ์เช่ารถขับเหมือนทุกครั้ง พี่นั่งฟังบทสนทนาของเจ้าหน้าที่ที่ให้คำแนะนำเรื่องรถเช่าอย่างมีชีวิตชีวา เธอเลือกรถใหญ่ให้เหมาะกับจำนวน 5 คน ความมีชีวิตชีวาทำให้พี่อดยกกล้องมาถ่ายรูปเธอไว้ไม่ได้
พี่สะดุดคำว่า “Moving Your Way” หรือ “เคลื่อนไปในแบบของคุณ” อย่างแปลกๆ ตอนออกมารับรถเห็นป้ายนี้อีกรอบที่ลานจอดรถ พี่หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้เพราะถ่ายตรงเคาน์เตอร์ไม่ทัน ไม่รู้ว่าตัวเองถ่ายไปทำไม รู้เพียงว่าตัวเองสะดุดใจกับคำนี้มากๆ อาจเป็นเพราะคำที่บ่งบอกนัยสำคัญให้พวกเราทั้ง 5 คน “มุ่งไปบนหนทางของตัวเอง”
หลังขึ้นรถพี่สมบูรณ์บอกพวกเราว่า “รถเป็นเกียร์กระปุก” เธอวิ่งกลับไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อขอเปลี่ยนรถ เจ้าหน้าที่แจ้งว่ารถใหญ่สำหรับ 5 คนไม่มีรถเกียร์ออโต้ ที่สำคัญเราจองมาแบบ Manual รถเช่าในช่วงเทศกาลถูกจองล่วงหน้าไว้หมดแล้ว
พี่สมบูรณ์ต้องใช้เวลาสักระยะในการปรับตัวมาขับรถพวงมาลัยซ้ายด้วยเกียร์กระปุกที่ต้องเหยียบคลัช เหยียบเบรค เปลี่ยนเกียร์สูง เกี่ยร์ต่ำ ต้องจัดจังหวะทุกอย่างใหม่หมด พวกเราทั้งรถช่วยลุ้นกันมากเพราะเป็นห่วงพ่อที่เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยความท้าทายเพราะแผนที่ใน Google Map ดูยากมาก
รถเราถูกคนบีบแตรไล่ตลอดทาง ส่วนใหญ่มาจากรถดับกลางทางเพราะเปลี่ยนเกียร์หรือขับช้าเพราะไม่รู้ทาง เราสรุปกันเองว่าคนที่นี่ใจร้อนมาก พี่สมบูรณ์พยายามหลบให้รถคันหลังที่ติดยาวแซงหน้าไปให้มากที่สุด พี่หันไปยกมือไหว้พระที่วางไว้หน้ารถภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี
บนความทุลักทุเลบนท้องถนน ขับรถหลงอยู่หลายรอบ เรายังมีโอกาสได้เห็นสถาปัตยกรรมที่งดงามระหว่างทาง และสุดท้ายเราก็ขับรถไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ 2 แห่งคือโบสถ์และมหาวิหาร Pantheon วิหารที่ทำหน้าที่บูชาเหล่าเทพมาหลายร้อยปี จนปี ค.ศ. 608 ได้เปลี่ยนมาทำหน้าที่เป็นโบสถ์คริสต์ จึงทำให้วิหารแพนธีออนไม่ถูกทำลายดั่งเช่นวิหารเทพเจ้าอื่นๆ ความงามและความยิ่งใหญ่ของสถานที่ทำให้พวกเราคลายความกังวลเรื่องการขับรถไปได้มาก
ปรางบอกแม่ว่า “ที่อื่นไปไม่ถึงไม่เป็นไรนะแม่ แต่ปรางขอมาที่นี่ให้ได้” แม่เพิ่งรู้ที่หลังว่ามหาวิหารแห่งนี้บูชาเทพอาธีน่าซึ่งเป็นเทพแห่งปัญญาและการสงคราม ลูกๆ ชี้ไปที่เสาและคุยกันอย่างออกรสเรื่องเสาทรงโรมันที่ตั้งอยู่ด้านใน ลูกทั้ง 3 คนเรียนเรื่องเทพอาธีน่าตั้งแต่ ป. 6 และกลับมาเรียนอีกครั้งตอนอยู่มัธยม หนังสือนอกเวลาเรียนที่ครูแนะนำให้อ่านคือหนังสือเพอร์ซี่ย์ แจ๊กสัน ที่ทำให้เด็กๆ ยังเชื่อมต่อกับเรื่องราวของเทพต่างๆ ได้จนถึงวันนี้
ลูกๆ หันมาถามแม่ว่า “แม่ไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ยุโรปหรือ” แม่ตอบว่า “พ่อแม่ไม่ได้เรียนโรงเรียนวอลดอร์ฟเราเลยไม่เคยรู้เรื่องแบบนี้มาก่อน” ในขณะที่ลูกๆ ตื่นเต้นกับบทเรียนที่มีชีวิตตรงหน้า พวกเขาถูกเตรียมให้เข้าใจว่าความรุ่งเรืองและความร่วงโรยของทุกอารยธรรมที่เกิดขึ้นเพราะน้ำมือมนุษย์ อนาคตทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับสองมือของเขาเช่นกัน
แม่หันกลับไปมองรอบๆ สถานที่ที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน เข้าใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงบีบแตรไล่รถเรา ถ้านึกในมุมของเจ้าบ้าน นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเช่ารถขับเหมือนครอบครัวเรา คงมีรถหลายคันที่ไม่รู้เส้นทางเหมือนเรา ชีวิตของเราทั้งหมดกระทบและเชื่อมโยงกันแบบไม่รู้ตัว การบีบแตรหลายครั้งเป็นไปเพื่อบอกทาง แต่เราตกใจเลยไม่ทันได้หันไป “ขอบคุณ” เราแทบมองไม่เห็นความปรารถนาดีใดๆ ที่ชีวิตส่งมา
นี่เป็นเพียงวันแรกที่ยังเดินทางไม่ถึงที่พัก เรา 5 คนจะใช้ชีวิตท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนอลหม่านบนอาณาจักรโรมันที่ยิ่งใหญ่พร้อมเหล่าทวยเทพและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากบ้านเราได้อย่างไร ติดตามตอนต่อไปค่ะ
รัก
พี่ณี
25/12/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150