Inner Journey
หวานเป็นลม ขมเป็นยา
ห่างหายจากงานเขียนไปนานเพราะติดภารกิจสำคัญคือการเรียนตลอด 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตที่ได้ป่วยและผ่านประสบการณ์การรุพิษแบบถอนรากถอนโคน เลยอยากบันทึกเรื่องราวนี้ให้เพื่อนๆ ฟังค่ะ
โพสต์สุดท้ายเรื่องจาก “ดินสู่ดาว Biodynamic Farm” เป็นโพสต์ที่พี่หยุดเขียนคำบรรยายใต้ภาพ พี่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มป่วย สภาพตัวเองคืนนั้นเริ่มอ่อนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อยากกระโดดขึ้นเตียงนอนอย่างเดียว เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นหลักสูตร Oasis 7 วันจะเริ่มเป็นวันแรก
พี่มารู้ภายหลังว่าร่างกายขับพิษหลังงดกินน้ำตาลและพี่หันมากินธัญพืชงอกและโยเกิร์ตครบ 1 เดือนพอดี อาจารย์ Daphne ที่สอน Nutrition เตือนตอนเรียนว่าร่างกายจะร่วงลงถึงจุดต่ำสุดและจะพลิกฟื้นอีกครั้งเหมือนเป็นคนใหม่ อาจารย์บอกว่าความคิดของคนที่ไม่กินน้ำตาลจะคมชัดขึ้นและทุกคนจะไม่กลับไปเป็นคนเดิมอีกเลย
ขำมากว่าตอนฟังครั้งแรก ได้ยินแต่ช่วงเป็นคนใหม่ แต่ก็ไม่เข้าใจความหมายที่แท้ของคำว่า “จุดต่ำสุด” ยังเข้าข้างตัวเองว่าเราน่าจะไม่เป็นไร ทุกอย่างประจวบเหมาะมากเพราะพี่เพิ่งได้ครีมประคบตับที่ทำจากเงินและครีมนวดหัวใจที่ทำจากทองจากเพื่อนกลุ่มนักนวดบำบัด Pressel ตามแนวมนุษยปรัชญาที่ใจดีแบ่งปันให้
ปกติการนวดตับและนวดหัวใจต้องทำโดยนักนวดบำบัดเท่านั้น แต่ความที่พี่ยุ่งมากเลย เพื่อนเลยแนะนำให้ประคบยาบริเวณตับและหัวใจเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องนวดแบบเต็มขั้นตอน สิ่งเดียวที่เพื่อนยังไม่ทันได้บอกคือถ้านวดตับร่างกายจะขับพิษขึ้นอยู่กับร่างกายของผู้ถูกนวด
รุ่งเช้าพี่ตื่นมาพร้อมลมสลาตัน ทุกอย่างในตัวเหมือนจะล่วงหลุดเป็นชิ้นๆ ท้องร่วงอย่างรุนแรง ปวดไปทั้งตัว ตาร้อนผ่าว ตาแฉะและแดงกร่ำเหมือนถูกต่อย วันนี้เพิ่งเข้าใจคำว่าลมป่วงที่ถาโถมเข้าใส่แบบไม่ทันตั้งตัว สำหรับพี่ครั้งนี้คือการรุพิษที่รุนแรงที่สุดในชีวิต
เช้าวันนั้นเป็นเช้าวันแรกของการเรียนหลักสูตร Oasis พี่ไปรับครู Karin ที่โรงแรม SC Park และเดินพาครูมาที่ออฟฟิศ พี่บอกครูว่าวันนี้พี่ป่วยมาก รู้สึกว่าตัวเองหมดแรงเดินไม่ไหว พอมาถึงออฟฟิศเพื่อนๆ ทุกคนตกใจที่เห็นหน้าพี่ เพราะมันดูหมองคล้ำ ซูบซีดราวกับซอมบี้
วิชา Oasis ต้องใช้กระบวนการแบ่งปันอัตชีวประวัติร่วมกับการทำงานศิลปะ พอเรียนถึงบ่ายสามโมง ครู Karin ประกาศบอกเพื่อนทุกคนว่า “ขอให้ทุกคนจับคู่และทำกิจกรรมตามที่ครูบอก ยกเว้นชินริณีที่ครูขอให้ขึ้นไปนอนพักแล้วค่อยลงมาเจอพวกเราตอนเย็น”
พี่หลับยาว 2 ชั่วโมงแบบปิดสวิตซ์ ตื่นมาเพื่อนๆ บอกว่าพี่ดูป่วยมากแบบไม่เคยเห็นป่วยอย่างนี้มาก่อน เย็นนั้นพี่กลับถึงบ้านบอกลูกว่าแม่ป่วยทำข้าวเย็นให้ลูกกินไม่ไหว รีบเข้านอนแต่หัวค่ำ ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน หลับๆ ตื่นๆ สลับไปมา ปวดร้าวทั่วทั้งตัว ลมจุกเสียดวิ่งทั่วตัวโดยเฉพาะลมที่เสียดแทงหัวใจ พี่ต้องนอนนวดมือตัวเองให้ลมกระจายออกจนเช้า
คำตอบค่อยๆ คลี่คลายตอนมาเรียนหลักสูตรเรื่องมดลูกกับเพื่อนหมอ ถึงได้ถึงบางอ้อว่าภรรยาคุณหมอที่งดกินน้ำตาลและกินธัญพืชงอกก็มีอาการเหมือนพี่ คือท้องเสีย ตาแดง ขี้ตาแฉะอยู่หลายวัน
หมอซ้งในฐานะผู้จัดหลักสูตรให้กับพวกเราในครั้งนั้น เข้ามาร่วมวงสนทนากับเราสองคนที่คุยกันไปหัวเราะกันไปว่า อืม! ไม่เคยคิดเลยว่าน้ำตาลจะมีพิษร้ายแรงถึงเพียงนี้ หมอซ้งเสริมว่าเมื่อเราไม่กินน้ำตาล ตับจะมีพื้นที่ว่างมากขึ้นในการขับพิษออกจากร่างกาย
ในกรณีพี่พิเศษตรงที่ตับขับพิษทุกช่องทางตามทวารทั้ง 9 ทำให้เหนื่อยเพลีย มีไข้อ่อนๆ ตลอดตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคมจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน วันที่ไปสอนหลักสูตร “นวดด้วยรัก” ให้คุณพ่อคุณแม่ที่โรงเรียนไตรพัฒน์ พี่ยังปิดตาข้างหนึ่งเพราะวันนั้นตาอักเสบมากเหมือนคนจะเป็นตากุ้งยิง แต่รุ่งขึ้นก็ยุบลง
เมื่อเสาร์ที่ผ่านมาเจอครูนิตย์ เพื่อนรักที่เป็นนักนวดบำบัดเธอพูดให้ชื่นใจหลังพี่เล่าอาการให้ฟังว่า “พี่โชคดีจังที่ร่างกายขับพิษทันที ปกตินิตย์จะเตือนผู้มานวดรักษาว่าร่างกายจะขับพิษหลังนวด บางคนจะมีอาการปวดเมื่อยตามตัว มีอาการอักเสบเพราะร่างกายแข็งแรงขึ้น หรือบางคนมีอาการถ่ายท้องวันละหลายครั้งขึ้นอยู่กับคนธาตุหนักหรือธาตุเบา ในกรณีพี่ถือว่าแข็งแรงมาก ที่สำคัญคือ...ดีที่พี่ไม่กลัวและไม่ถอดใจไปก่อน”
ต้องขอบคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้เท่าทันกลไลการทำงานในร่างกายและการมีสติกำกับชีวิตในวันที่ชีวิตตกต่ำจนถึงขีดสุด วันนี้พี่กลับมาแข็งแรงเหมือนเก่าและรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงมากกว่าเดิม เหลือเพียงนอนดึกไม่ได้ เหมือนร่างกายจัดจังหวะของตัวเองใหม่
สัญญาว่าจะกลับมาทำหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้จากบรมครูหลายท่านที่พี่เรียนมาตลอด 2 เดือนที่ผ่านมากับ 10 วิชาที่เติมเต็มชีวิตและเปิดโลกทัศน์ให้พี่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พี่จะเรียงลำดับเหตุการณ์จากหลังสุดไปหน้าสุดเพื่อให้ทุกคนค่อยๆ ตามอ่านได้อย่างลื่นไหลและมีความสุขค่ะ
รัก
พี่ณี
2/12/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150
โพสต์สุดท้ายเรื่องจาก “ดินสู่ดาว Biodynamic Farm” เป็นโพสต์ที่พี่หยุดเขียนคำบรรยายใต้ภาพ พี่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มป่วย สภาพตัวเองคืนนั้นเริ่มอ่อนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อยากกระโดดขึ้นเตียงนอนอย่างเดียว เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นหลักสูตร Oasis 7 วันจะเริ่มเป็นวันแรก
พี่มารู้ภายหลังว่าร่างกายขับพิษหลังงดกินน้ำตาลและพี่หันมากินธัญพืชงอกและโยเกิร์ตครบ 1 เดือนพอดี อาจารย์ Daphne ที่สอน Nutrition เตือนตอนเรียนว่าร่างกายจะร่วงลงถึงจุดต่ำสุดและจะพลิกฟื้นอีกครั้งเหมือนเป็นคนใหม่ อาจารย์บอกว่าความคิดของคนที่ไม่กินน้ำตาลจะคมชัดขึ้นและทุกคนจะไม่กลับไปเป็นคนเดิมอีกเลย
ขำมากว่าตอนฟังครั้งแรก ได้ยินแต่ช่วงเป็นคนใหม่ แต่ก็ไม่เข้าใจความหมายที่แท้ของคำว่า “จุดต่ำสุด” ยังเข้าข้างตัวเองว่าเราน่าจะไม่เป็นไร ทุกอย่างประจวบเหมาะมากเพราะพี่เพิ่งได้ครีมประคบตับที่ทำจากเงินและครีมนวดหัวใจที่ทำจากทองจากเพื่อนกลุ่มนักนวดบำบัด Pressel ตามแนวมนุษยปรัชญาที่ใจดีแบ่งปันให้
ปกติการนวดตับและนวดหัวใจต้องทำโดยนักนวดบำบัดเท่านั้น แต่ความที่พี่ยุ่งมากเลย เพื่อนเลยแนะนำให้ประคบยาบริเวณตับและหัวใจเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องนวดแบบเต็มขั้นตอน สิ่งเดียวที่เพื่อนยังไม่ทันได้บอกคือถ้านวดตับร่างกายจะขับพิษขึ้นอยู่กับร่างกายของผู้ถูกนวด
รุ่งเช้าพี่ตื่นมาพร้อมลมสลาตัน ทุกอย่างในตัวเหมือนจะล่วงหลุดเป็นชิ้นๆ ท้องร่วงอย่างรุนแรง ปวดไปทั้งตัว ตาร้อนผ่าว ตาแฉะและแดงกร่ำเหมือนถูกต่อย วันนี้เพิ่งเข้าใจคำว่าลมป่วงที่ถาโถมเข้าใส่แบบไม่ทันตั้งตัว สำหรับพี่ครั้งนี้คือการรุพิษที่รุนแรงที่สุดในชีวิต
เช้าวันนั้นเป็นเช้าวันแรกของการเรียนหลักสูตร Oasis พี่ไปรับครู Karin ที่โรงแรม SC Park และเดินพาครูมาที่ออฟฟิศ พี่บอกครูว่าวันนี้พี่ป่วยมาก รู้สึกว่าตัวเองหมดแรงเดินไม่ไหว พอมาถึงออฟฟิศเพื่อนๆ ทุกคนตกใจที่เห็นหน้าพี่ เพราะมันดูหมองคล้ำ ซูบซีดราวกับซอมบี้
วิชา Oasis ต้องใช้กระบวนการแบ่งปันอัตชีวประวัติร่วมกับการทำงานศิลปะ พอเรียนถึงบ่ายสามโมง ครู Karin ประกาศบอกเพื่อนทุกคนว่า “ขอให้ทุกคนจับคู่และทำกิจกรรมตามที่ครูบอก ยกเว้นชินริณีที่ครูขอให้ขึ้นไปนอนพักแล้วค่อยลงมาเจอพวกเราตอนเย็น”
พี่หลับยาว 2 ชั่วโมงแบบปิดสวิตซ์ ตื่นมาเพื่อนๆ บอกว่าพี่ดูป่วยมากแบบไม่เคยเห็นป่วยอย่างนี้มาก่อน เย็นนั้นพี่กลับถึงบ้านบอกลูกว่าแม่ป่วยทำข้าวเย็นให้ลูกกินไม่ไหว รีบเข้านอนแต่หัวค่ำ ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน หลับๆ ตื่นๆ สลับไปมา ปวดร้าวทั่วทั้งตัว ลมจุกเสียดวิ่งทั่วตัวโดยเฉพาะลมที่เสียดแทงหัวใจ พี่ต้องนอนนวดมือตัวเองให้ลมกระจายออกจนเช้า
คำตอบค่อยๆ คลี่คลายตอนมาเรียนหลักสูตรเรื่องมดลูกกับเพื่อนหมอ ถึงได้ถึงบางอ้อว่าภรรยาคุณหมอที่งดกินน้ำตาลและกินธัญพืชงอกก็มีอาการเหมือนพี่ คือท้องเสีย ตาแดง ขี้ตาแฉะอยู่หลายวัน
หมอซ้งในฐานะผู้จัดหลักสูตรให้กับพวกเราในครั้งนั้น เข้ามาร่วมวงสนทนากับเราสองคนที่คุยกันไปหัวเราะกันไปว่า อืม! ไม่เคยคิดเลยว่าน้ำตาลจะมีพิษร้ายแรงถึงเพียงนี้ หมอซ้งเสริมว่าเมื่อเราไม่กินน้ำตาล ตับจะมีพื้นที่ว่างมากขึ้นในการขับพิษออกจากร่างกาย
ในกรณีพี่พิเศษตรงที่ตับขับพิษทุกช่องทางตามทวารทั้ง 9 ทำให้เหนื่อยเพลีย มีไข้อ่อนๆ ตลอดตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคมจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน วันที่ไปสอนหลักสูตร “นวดด้วยรัก” ให้คุณพ่อคุณแม่ที่โรงเรียนไตรพัฒน์ พี่ยังปิดตาข้างหนึ่งเพราะวันนั้นตาอักเสบมากเหมือนคนจะเป็นตากุ้งยิง แต่รุ่งขึ้นก็ยุบลง
เมื่อเสาร์ที่ผ่านมาเจอครูนิตย์ เพื่อนรักที่เป็นนักนวดบำบัดเธอพูดให้ชื่นใจหลังพี่เล่าอาการให้ฟังว่า “พี่โชคดีจังที่ร่างกายขับพิษทันที ปกตินิตย์จะเตือนผู้มานวดรักษาว่าร่างกายจะขับพิษหลังนวด บางคนจะมีอาการปวดเมื่อยตามตัว มีอาการอักเสบเพราะร่างกายแข็งแรงขึ้น หรือบางคนมีอาการถ่ายท้องวันละหลายครั้งขึ้นอยู่กับคนธาตุหนักหรือธาตุเบา ในกรณีพี่ถือว่าแข็งแรงมาก ที่สำคัญคือ...ดีที่พี่ไม่กลัวและไม่ถอดใจไปก่อน”
ต้องขอบคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้เท่าทันกลไลการทำงานในร่างกายและการมีสติกำกับชีวิตในวันที่ชีวิตตกต่ำจนถึงขีดสุด วันนี้พี่กลับมาแข็งแรงเหมือนเก่าและรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงมากกว่าเดิม เหลือเพียงนอนดึกไม่ได้ เหมือนร่างกายจัดจังหวะของตัวเองใหม่
สัญญาว่าจะกลับมาทำหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้จากบรมครูหลายท่านที่พี่เรียนมาตลอด 2 เดือนที่ผ่านมากับ 10 วิชาที่เติมเต็มชีวิตและเปิดโลกทัศน์ให้พี่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พี่จะเรียงลำดับเหตุการณ์จากหลังสุดไปหน้าสุดเพื่อให้ทุกคนค่อยๆ ตามอ่านได้อย่างลื่นไหลและมีความสุขค่ะ
รัก
พี่ณี
2/12/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150