Inner Journey
หลงวันหลงคืน
ยังเขียนเรื่องออสเตรเลียไม่ทันจบ เพราะเท้าเหยียบถึงกรุงเทพได้ 1 วัน ก็บินมา Switzerland ทันที ความทรงจำจากทริปออสเตรเลียยังไม่ทันจาง ก็ต้องวิ่งผลัด 4 x 100 เมตร ผ่านสนามบินเวียนนา แฟรงก์เฟิร์ต บาเซิล ภายใน 24 ชั่วโมง ลงเครื่องรอกระเป๋าตั้งนาน เพิ่งรู้ว่ากระเป๋าใบใหญ่หาย
ตอนโหลดกระเป๋าขอเจ้าหน้าที่สนามบินว่าเดี๋ยวขอซื้อกลอนมาล็อกกระเป๋านิดนะคะ รู้สึกอุ่นใจแปลกๆ ตอนรู้ว่ากระเป๋าหายค้างอยู่สนามบินไหนสักแห่ง เจ้าหน้าที่ถามว่ากระเป๋ายี่ห้ออะไร เพราะต้องแจ้งในใบรายงาน โอ้ว! ตั้งแต่เดินทางมาไม่เคยสังเกตเลยค่ะ
บอกเจ้าหน้าที่ว่ามีแต่แม่กุญแจสีน้ำเงิน เจ้าหน้าที่บอกว่างั้นขอลูกกุญแจเพื่อเปิดกระเป๋าในกรณีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขอตรวจ รีบค้นกระเป๋าถือทั้งใบไม่เจอลูกกุญแจสักดอก โชคดีค้นเจอมาสเตอร์คีย์ของแม่กุญแจดอกอื่นที่ใช้คู่กันได้เลยรีบให้ไป
ตอนโหลดกระเป๋าขอเจ้าหน้าที่สนามบินว่าเดี๋ยวขอซื้อกลอนมาล็อกกระเป๋านิดนะคะ รู้สึกอุ่นใจแปลกๆ ตอนรู้ว่ากระเป๋าหายค้างอยู่สนามบินไหนสักแห่ง เจ้าหน้าที่ถามว่ากระเป๋ายี่ห้ออะไร เพราะต้องแจ้งในใบรายงาน โอ้ว! ตั้งแต่เดินทางมาไม่เคยสังเกตเลยค่ะ
บอกเจ้าหน้าที่ว่ามีแต่แม่กุญแจสีน้ำเงิน เจ้าหน้าที่บอกว่างั้นขอลูกกุญแจเพื่อเปิดกระเป๋าในกรณีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขอตรวจ รีบค้นกระเป๋าถือทั้งใบไม่เจอลูกกุญแจสักดอก โชคดีค้นเจอมาสเตอร์คีย์ของแม่กุญแจดอกอื่นที่ใช้คู่กันได้เลยรีบให้ไป
โชคดีที่สายการบินมีบริการส่งกระเป๋าถึงที่พัก เขาบอกให้ไปเที่ยวให้สบายใจไม่ต้องกังวลแต่ไม่ยืนยันว่าจะได้คืนวันนี้ ตอนนั้นทำใจคิดในใจว่าไม่มีกระเป๋าก็นอนชุดเดิม คิดถึงเสื้อหนาวตัวใหญ่ที่อยู่ในกระเป๋าใบใหญ่มากกว่า เพราะที่ออสเตรเลียอากาศ 44 องศา ไทย 38 องศา สวิสเซอร์แลนด์ 2 องศา ต้องรีบซื้อเสื้อแขนยาวตัวบางเฉียบที่ทำจากไหมและขนสัตว์แต่อุ่นเหลือเชื่อใส่ช่วยชีวิตไว้ ขอบคุณพี่จุ๊ที่แนะนำยี่ห้อนี้ให้
ไหนๆ ก็ไม่มีกระเป๋าใหญ่ให้ลาก พวกเราเลยได้เที่ยวเถลไถลจนค่ำ ก้าวเท้าเหยียบที่พักตอนค่ำได้ 5 นาทีเจ้าหน้าที่ก็ยกกระเป๋าใบโตเข้ามาพอดี เซ็นชื่อรับกระเป๋าพร้อมกุญแจเสร็จรีบมองหาชื่อกระเป๋า เพิ่งรู้ว่ากระเป๋าตัวเองชื่อ Ambassador ต่อไปซื้อกระเป๋าจะจดชื่อไว้
โชคดีที่สายการบินมีบริการส่งกระเป๋าถึงที่พัก เขาบอกให้ไปเที่ยวให้สบายใจไม่ต้องกังวลแต่ไม่ยืนยันว่าจะได้คืนวันนี้ ตอนนั้นทำใจคิดในใจว่าไม่มีกระเป๋าก็นอนชุดเดิม คิดถึงเสื้อหนาวตัวใหญ่ที่อยู่ในกระเป๋าใบใหญ่มากกว่า เพราะที่ออสเตรเลียอากาศ 44 องศา ไทย 38 องศา สวิสเซอร์แลนด์ 2 องศา ต้องรีบซื้อเสื้อแขนยาวตัวบางเฉียบที่ทำจากไหมและขนสัตว์แต่อุ่นเหลือเชื่อใส่ช่วยชีวิตไว้ ขอบคุณพี่จุ๊ที่แนะนำยี่ห้อนี้ให้
ไหนๆ ก็ไม่มีกระเป๋าใหญ่ให้ลาก พวกเราเลยได้เที่ยวเถลไถลจนค่ำ ก้าวเท้าเหยียบที่พักตอนค่ำได้ 5 นาทีเจ้าหน้าที่ก็ยกกระเป๋าใบโตเข้ามาพอดี เซ็นชื่อรับกระเป๋าพร้อมกุญแจเสร็จรีบมองหาชื่อกระเป๋า เพิ่งรู้ว่ากระเป๋าตัวเองชื่อ Ambassador ต่อไปซื้อกระเป๋าจะจดชื่อไว้
งานสัมมนาเริ่ม 9 โมงเช้าเลิก 4 ทุ่มทุกวัน มีบางหลักสูตรเริ่ม 8 โมงเช้าเรียนกันแบบ none stop งานจบคิดว่าจะอยู่พักต่ออีก 1 วันแล้วค่อยกลับ ท่องไว้ในใจตลอดว่าเครื่องออกวันจันทร์ตอนห้าทุ่ม วางแผนจะขึ้นรถเมล์ ต่อรถไฟเพื่อไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ก่อนขึ้นเครื่อง นั่งกินข้าวเช้าชิลๆ เพราะไม่ต้องรีบเหมือนทุกวัน
กลับเข้าห้องเปิดกระเป๋าดูเพิ่งรู้ว่าต้องไปขึ้นเครื่องที่บาเซิลตอนบ่ายสองโมง คราวนี้ทุกอย่างฝุ่นตลบเวลาเหลือน้อยต้องรีบแพคกระเป๋ารีบนั่งแท็กซี่มาสนามบินทันที อารามรีบลืมกระเป๋าใบเล็กไว้ในรถแท็กซี่ โชคดีที่คนขับให้ชื่อและใบเสร็จไว้เลยให้เจ้าหน้าที่สนามบินช่วยโทรศัพท์ตามให้ได้คืนภายในครึ่งชั่วโมง สุดยอดมาก นึกว่าทุกอย่างจะราบรื่น เจ้าหน้าที่สนามบินบอกว่าตั๋วของคุณคือวันอังคารที่ 15 นะคะวันนี้วันที่ 14 มกราคม คุณจะกลับไปก่อนแล้วมาอีกทีวันพรุ่งนี้หรือจะเปลี่ยนตั๋วแล้วกลับเลย เจ้าหน้าที่น่ารักมากช่วยคำนวณว่าถ้านอนต่ออีกคืนกับกลับบ้านเลยราคาไม่ต่างกัน พี่เลยขอเปลี่ยนตั๋วกลับบ้าน เริ่มรู้ว่าหลงวันตอนคุยกับลูกว่าแม่จะถึงบ้านวันจันทร์บ่ายนะคะไม่ใช่วันอังคารบ่าย ลูกหัวเราะกันใหญ่ว่าแม่เราจะนอนกันแล้ว พี่ถามย้ำว่าตอนนี้กรุงเทพวันอะไรคะ เวลาเท่าไหร่ ตอนนี้แม่ถึงสนามบินแฟรงก์เฟิร์ตแล้วเป็นวันจันทร์ตอน 4 โมงเย็น ลูกบอกว่าตอนนี้ที่กรุงเทพ 4 ทุ่ม วันจันทร์ |
โอ้ว ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะหลงวันหลงคืนได้เพียงนี้ ขนาดเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างดีทั้งทาน ทั้งทา ทั้งนวด ทั้งประคบมาล่วงหน้า 1 เดือน แต่ถึงเวลาจริงไปไม่ถูกเลยค่ะ เพราะออสเตรเลียเร็วกว่าเรา 4 ชั่วโมง ที่สวิสเซอร์แลนด์ช้ากว่า 6 ชั่วโมง นับวันนับคืนผิดหมด โชคดีที่เมื่อเช้าสังหรณ์ใจแพคกระเป๋าแล้วตรงมาสนามบินเลย
กว่าเครื่องจะขึ้นอีกนานเลยมีโอกาสมานั่งถ่ายรูปกับคุณปู่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นั่งสังเกตคนเดินผ่านคุณปู่ส่วนใหญ่มีแต่คนแวะมาถ่ายรูป มีน้อยคนมากที่เดินผ่าน ไม่เคยปักหมุดที่เมืองไหนเลยค่ะ แต่ครั้งนี้ขอปักหมุด #frankfurtairport ตามป้ายแนะนำเพื่อเตือนตัวเองว่ากำลังจะได้กลับบ้านแล้ว มีเรื่องมากมายมาเล่าต่อให้ฟังเมื่อถึงเมืองไทยค่ะ
รัก
พี่ณี
จันทร์ที่ 13 มกราคม 2563
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150