Inner Journey
ออสเตรเลีย...ของขวัญที่มีเรื่องเล่า (ตอนที่ 3)
แม่ชอบวันที่เรานั่งคุยกันหลังกลับเดินข้ามเขา 2 ลูก เดินเข้าไปในป่าที่สูงชัน ฝ่าโขดหินที่แม่บอกกับตัวเองว่า “เราจะไปเจอกันที่ปลายทาง” วันนั้นเราติดต่อกันไม่ได้เพราะในเทือกเขาไม่มีสัญญาณ ลูกเดินทางล่วงหน้าไปไกลมาก พ่อเฝ้ารอแม่เป็นระยะ เราเห็นกันแต่ช่วยเหลือกันไม่ได้เพราะหน้าผาสูงชันและลมทะเลในมหาสมุทรกรรโชกแรงมาก
คลื่นสีขาวลูกใหญ่พัดถาโถมระลอกแล้วระลอกเล่า เหมือนจะเห็นปลายทางแต่หมุดหมายข้างหน้าเหมือนจะถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ เดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงปลายทางสักที แม่ได้รับมอบไม้เท้าจากผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเดินออกจากป่าที่มีทางออกทางเดียว แม่นึกถึงละครเพลง Into the Woods ที่ปัญญ์เพิ่งเล่นจบไปว่า “เราจะเปลี่ยนไปเมื่อเดินผ่านป่า”
ที่จริงแม่มีโอกาสได้เดินป่าตอนไปประชุม Biography ที่ฮังการีเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ตอนนั้นผู้จัดส่งลิสต์รายการให้แม่เตรียมตัวเยอะมาก ทั้งไม้เท้า รองเท้าเดินป่า ถุงนอน เสื้อผ้าที่ระบายเหงื่อได้ดี หมวกปีกกว้าง แม่ไม่มีโอกาสเล่าให้ลูกฟังว่าแม่ต้องเดินเข้าไปอยู่ในป่าคนเดียวทั้งวัน มีเพียงสมุดบันทึก เชือกปีนเขาที่ทีมงานให้เตรียมมาเพื่อสะท้อนย้อนมองชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน บันทึกสิ่งที่เราเห็นและได้ยินจากป่า
ช่วงเตรียมตัวเดินป่า คณะผู้จัดกำชับพวกเราทุกคนว่าถ้าเห็นใครล้มลงห้ามช่วย ปล่อยให้ลุกขึ้นด้วยตัวเอง เพราะนั่นคือเวลาดีที่สุดในการเรียนรู้ พวกเราได้รับชอลก์เพื่อเขียนสัญลักษณ์ของตัวเองไม่ให้หลงป่า มีอาหารกลางวันและน้ำคนละขวดที่เรานำติดตัวไป เราแยกกันเดิน 8 เส้นทางโดยมีผู้จัดงานขี่ม้าขาวเพียงคนเดียวที่คอยสังเกตการณ์อยู่รอบนอก
ก่อนเดินป่าแม่มีเวลาซักซ้อมกับหัวหน้าทีมเรื่องวิธีใช้ไม้เท้าเดินป่า เขาสอนให้แม่รัดเชือกไว้ที่ข้อมือ ตั้งศอกให้ตั้งฉากเป็นรูปตัว L ประโยชน์ของไม้เท้าคือการใช้มือเดินแทนขาซึ่งจะช่วยลดแรงขาได้ 60% ทำให้เดินอย่างมั่นคง เขาเตือนแม่หลายครั้งว่า “ไม้เท้าคือมือที่เดินได้ ไม่ใช่ไม้ค้ำยัน..ใช้ให้เต็มที่”
ตอนที่แม่เดินไปหาลูกที่ Figure 8 Pool ใน Royal National Park แม่ลืมวิธีใช้ไปสนิทใจแต่พอเขาสูงชันมากขึ้นแม่เพิ่งคิดถึง “มือที่เดินได้” ที่นำติดตัวมา ถึงเวลาแล้วที่แม่จะได้ใช้อย่างเต็มที่ในชีวิตจริง ต้องบอกว่าไม้เท้าช่วยทำให้แม่เดินตัวปลิวหลายช่วงเพราะไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อขาและลดแรงกดของหัวเข่า
มีช่วงที่หวาดเสียวคือช่วงไม้ติดลงในซอกหินอยู่หนึ่งครั้งแต่แม่ดึงออกมาทันทำให้ไม่ลื่นล้ม แต่ที่พลาดจริงๆ คือช่วงก้าวลงก้อนหินที่ขนาดใหญ่เล็กต่างกัน ทำให้แม่ล้มเข่าซ้ายกระแทกโขดหิน แม่นั่งตรงนั้นอยู่พักใหญ่คิดว่ารอให้ดีขึ้นแล้วจะเดินต่อ โชคดีที่ล้มเข่ากระแทกไม่แรงไม่ได้เป็นอะไรมาก
กลุ่มฝรั่งมุง 4-5 คนหยุดถามแม่ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า หนุ่มฝรั่งผมทองในกลุ่มยื่นมือมาช่วยดึงแม่ให้ลุกขึ้น แม่ตอบกลับพร้อมคำขอบคุณและยืนยันที่จะลุกขึ้นเองอย่างที่แม่เคยบอกลูกทุกครั้งเมื่อลูกลื่นล้มตอนเล็กๆ เขายืนรอดูแม่ลุกขึ้นจนเรียบร้อยและหันกลับมากำชับแม่ว่า “มองไปที่หินก้อนใหญ่เสมอ” พูดจบทั้งกลุ่มก็เดินข้ามโขดหินหายลิบไป
แม่เดินไปถึง Figure 8 Pool สระว่ายน้ำเลข 8 ตามธรรมชาติบนหน้าผาหินในอุทยาน เป็นช่วงที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกับการดู “ปลาโลมา” กระโดดเล่นน้ำในมหาสมุทร ลูกชี้ให้แม่ดูแต่แม่มองไม่เห็นเพราะคลื่นลมแรงมาก โอมหันกลับมาถามแม่ด้วยความเป็นห่วงว่าแม่ไม่ควรเดินขึ้นมาเลยทางอันตรายมาก แม่ตอบกลับไปว่า “แม่ขึ้นมาเพื่อเจอหน้าทุกคน”
ช่วงขากลับตอนเดินข้ามหน้าผาและโขดหิน แม่ท่องในใจว่า “มองไปที่หินก้อนใหญ่เสมอ” แปลกดีที่เหมือนทางจะเปิด แม่มองเห็นแนวหินที่โดดเด่นเป็นทางให้เดินทั้งระยะใกล้และระยะไกล เหมือนขากลับจะง่ายกว่าตอนขามา มีช่วงปีนขึ้นเขาตอนย้อนกลับทางเดิมที่เหนื่อยหนักเอาการ ฝรั่งหลายคนยืนหอบข้างๆ แม่แล้วทุกคนก็เดินหายลับไป
แม่ไม่กดดันตัวเองค่อยๆ เดิน นั่งแวะพักอยู่ในป่าหลายรอบ พยายามมองหาแสงที่เป็นสัญลักษณ์ว่าแม่กำลังเดินใกล้ถึงปลายป่า แม่ได้ความรู้นี้มาจากการเรียนศิลปะบำบัดกับครูคารินตอนครูให้พวกเราวาดรูปป่าที่เริ่มจากภาพป่าที่รกทึบไม่มีแสงจนเดินออกจากป่า แม่จำได้ว่าครูบอกพวกเราว่าเมื่อถึงปลายป่าเราจะเห็นแสงและป่าจะโปร่งขึ้น แม่รู้สึกอุ่นใจขึ้นเรื่อยๆ ว่าแม่กำลังจะออกไปเจอทุกคนเพราะเริ่มเห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่านมากขึ้นเรื่อยๆ
แม่เดินออกจากป่าหลังทุกคน 1 ชั่วโมงหวังว่าจะเจอใครสักคนที่กำลังจะเดินเข้าป่า แม่จะส่งต่อ “มือที่เดินได้” ให้ใครคนนั้น แต่แม่มองไม่เห็นใครสักคนเพราะตอนนั้น 5:30 โมงแล้วไม่มีใครเดินเข้าไปในป่าตอนใกล้ค่ำ วินาทีที่แม่วางไม้เท้าไว้บนโขดหินตรงทางออก แม่นึกถึงประโยคที่คุยกับปัญญ์วันรุ่งขึ้นหลังละครเพลง Into the Woods จบลง “แม่ว่าป่าเหมือนใจมนุษย์เลย” ปัญญ์ตอบแม่ว่า “ใครๆ ก็รู้เรื่องนี้แม่”
ช่วงเวลาที่เราทุกคนกลับมาแชร์ความรู้สึกตอนอยู่ในป่าเหมือนช่วงแม่กลับออกมาจากป่าในฮังการี ทีมแม่ 8 คนมานั่งแบ่งปันกันว่าเราเจออะไรในป่า เราแต่ละคนรู้สึกอย่างไรเมื่อต้องเดินอยู่ในป่าคนเดียว แม่แปลกใจมากที่เราทุกคนคิดเหมือนกันว่าการเดินเข้าป่าครั้งนี้ท้าทาย น่ากลัว มีอุปสรรคมากมายทั้งคลื่นลม หน้าผาที่สูงชัน ไม้เท้า เสื้อผ้าที่เราใส่ แต่เราทุกคนทำได้
แม่นั่งคิดในใจว่าสิ่งที่ได้จากการเดินป่าช่วยให้เราแม่ลูกเข้าใจกันมากขึ้น ลูกบอกว่ามันเป็นเส้นทางที่โหดมาก ไม่มีน้ำกิน ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีสัญญาณติดต่อกัน มีแต่ใจที่เข้มแข็งที่ทำให้พวกเราผ่านกันมาได้ แม่เองก็เพิ่งค้นพบว่าแม่แข็งแรงขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่เดินไม่กี่ก้าวก็หอบ ขึ้นบันไดแค่ 3 ชั้นก็หมดแรง ไปเที่ยวทีไรพ่อต้องให้ลูกมาช่วยพยุงแม่เดิน แต่ครั้งนี้พ่อบอกว่าเราขึ้นบันได 59 ชั้น แม่ยังงงตัวเองว่าทำไมทำได้ แม่คิดว่าตัวเองแก่แล้วไม่มีทางทำได้
แม่ดีใจที่ Figure 8 Pool คือสถานที่ที่พ่อกับปรางไม่เคยมา ทำให้ทุกอย่างดูสดใหม่ เราลุยกันไปข้างหน้า ยืดหยุ่นกับเวลาที่ไม่ต้องเร่งรีบ ระหว่างทางกลับเราเจอนกกระตั้วฝูงใหญ่ข้างทะเลสาบ แม่ร้องลั่นตอนมันบินมาเกาะแม่เพราะเล็บมันแหลมมากในขณะที่ปัญญ์นิ่งให้เจ้ากระตั้วเกาะอย่างมีความสุข แม่คิดว่าปัญญ์ไม่เจ็บ แม่เพิ่งรู้ตอนหลังว่าบ่าปัญญ์เลือดออกซิบแต่ปัญญ์อดทนกว่าแม่ไม่บ่นซักคำ บางเรื่องแม่อดทนสู้ลูกไม่ได้จริงๆ
ถ้าการเดินเข้าสู่ป่าคือการเตรียมตัวเองให้เข้มแข็ง แม่ว่าพวกเราพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางที่ท้าทายมากขึ้น แม่ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรแต่แม่เชื่อว่าพวกเราจะอยู่ในการดูแลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสมอ
รักลูก
4/12/63
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150
คลื่นสีขาวลูกใหญ่พัดถาโถมระลอกแล้วระลอกเล่า เหมือนจะเห็นปลายทางแต่หมุดหมายข้างหน้าเหมือนจะถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ เดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงปลายทางสักที แม่ได้รับมอบไม้เท้าจากผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเดินออกจากป่าที่มีทางออกทางเดียว แม่นึกถึงละครเพลง Into the Woods ที่ปัญญ์เพิ่งเล่นจบไปว่า “เราจะเปลี่ยนไปเมื่อเดินผ่านป่า”
ที่จริงแม่มีโอกาสได้เดินป่าตอนไปประชุม Biography ที่ฮังการีเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ตอนนั้นผู้จัดส่งลิสต์รายการให้แม่เตรียมตัวเยอะมาก ทั้งไม้เท้า รองเท้าเดินป่า ถุงนอน เสื้อผ้าที่ระบายเหงื่อได้ดี หมวกปีกกว้าง แม่ไม่มีโอกาสเล่าให้ลูกฟังว่าแม่ต้องเดินเข้าไปอยู่ในป่าคนเดียวทั้งวัน มีเพียงสมุดบันทึก เชือกปีนเขาที่ทีมงานให้เตรียมมาเพื่อสะท้อนย้อนมองชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน บันทึกสิ่งที่เราเห็นและได้ยินจากป่า
ช่วงเตรียมตัวเดินป่า คณะผู้จัดกำชับพวกเราทุกคนว่าถ้าเห็นใครล้มลงห้ามช่วย ปล่อยให้ลุกขึ้นด้วยตัวเอง เพราะนั่นคือเวลาดีที่สุดในการเรียนรู้ พวกเราได้รับชอลก์เพื่อเขียนสัญลักษณ์ของตัวเองไม่ให้หลงป่า มีอาหารกลางวันและน้ำคนละขวดที่เรานำติดตัวไป เราแยกกันเดิน 8 เส้นทางโดยมีผู้จัดงานขี่ม้าขาวเพียงคนเดียวที่คอยสังเกตการณ์อยู่รอบนอก
ก่อนเดินป่าแม่มีเวลาซักซ้อมกับหัวหน้าทีมเรื่องวิธีใช้ไม้เท้าเดินป่า เขาสอนให้แม่รัดเชือกไว้ที่ข้อมือ ตั้งศอกให้ตั้งฉากเป็นรูปตัว L ประโยชน์ของไม้เท้าคือการใช้มือเดินแทนขาซึ่งจะช่วยลดแรงขาได้ 60% ทำให้เดินอย่างมั่นคง เขาเตือนแม่หลายครั้งว่า “ไม้เท้าคือมือที่เดินได้ ไม่ใช่ไม้ค้ำยัน..ใช้ให้เต็มที่”
ตอนที่แม่เดินไปหาลูกที่ Figure 8 Pool ใน Royal National Park แม่ลืมวิธีใช้ไปสนิทใจแต่พอเขาสูงชันมากขึ้นแม่เพิ่งคิดถึง “มือที่เดินได้” ที่นำติดตัวมา ถึงเวลาแล้วที่แม่จะได้ใช้อย่างเต็มที่ในชีวิตจริง ต้องบอกว่าไม้เท้าช่วยทำให้แม่เดินตัวปลิวหลายช่วงเพราะไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อขาและลดแรงกดของหัวเข่า
มีช่วงที่หวาดเสียวคือช่วงไม้ติดลงในซอกหินอยู่หนึ่งครั้งแต่แม่ดึงออกมาทันทำให้ไม่ลื่นล้ม แต่ที่พลาดจริงๆ คือช่วงก้าวลงก้อนหินที่ขนาดใหญ่เล็กต่างกัน ทำให้แม่ล้มเข่าซ้ายกระแทกโขดหิน แม่นั่งตรงนั้นอยู่พักใหญ่คิดว่ารอให้ดีขึ้นแล้วจะเดินต่อ โชคดีที่ล้มเข่ากระแทกไม่แรงไม่ได้เป็นอะไรมาก
กลุ่มฝรั่งมุง 4-5 คนหยุดถามแม่ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า หนุ่มฝรั่งผมทองในกลุ่มยื่นมือมาช่วยดึงแม่ให้ลุกขึ้น แม่ตอบกลับพร้อมคำขอบคุณและยืนยันที่จะลุกขึ้นเองอย่างที่แม่เคยบอกลูกทุกครั้งเมื่อลูกลื่นล้มตอนเล็กๆ เขายืนรอดูแม่ลุกขึ้นจนเรียบร้อยและหันกลับมากำชับแม่ว่า “มองไปที่หินก้อนใหญ่เสมอ” พูดจบทั้งกลุ่มก็เดินข้ามโขดหินหายลิบไป
แม่เดินไปถึง Figure 8 Pool สระว่ายน้ำเลข 8 ตามธรรมชาติบนหน้าผาหินในอุทยาน เป็นช่วงที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกับการดู “ปลาโลมา” กระโดดเล่นน้ำในมหาสมุทร ลูกชี้ให้แม่ดูแต่แม่มองไม่เห็นเพราะคลื่นลมแรงมาก โอมหันกลับมาถามแม่ด้วยความเป็นห่วงว่าแม่ไม่ควรเดินขึ้นมาเลยทางอันตรายมาก แม่ตอบกลับไปว่า “แม่ขึ้นมาเพื่อเจอหน้าทุกคน”
ช่วงขากลับตอนเดินข้ามหน้าผาและโขดหิน แม่ท่องในใจว่า “มองไปที่หินก้อนใหญ่เสมอ” แปลกดีที่เหมือนทางจะเปิด แม่มองเห็นแนวหินที่โดดเด่นเป็นทางให้เดินทั้งระยะใกล้และระยะไกล เหมือนขากลับจะง่ายกว่าตอนขามา มีช่วงปีนขึ้นเขาตอนย้อนกลับทางเดิมที่เหนื่อยหนักเอาการ ฝรั่งหลายคนยืนหอบข้างๆ แม่แล้วทุกคนก็เดินหายลับไป
แม่ไม่กดดันตัวเองค่อยๆ เดิน นั่งแวะพักอยู่ในป่าหลายรอบ พยายามมองหาแสงที่เป็นสัญลักษณ์ว่าแม่กำลังเดินใกล้ถึงปลายป่า แม่ได้ความรู้นี้มาจากการเรียนศิลปะบำบัดกับครูคารินตอนครูให้พวกเราวาดรูปป่าที่เริ่มจากภาพป่าที่รกทึบไม่มีแสงจนเดินออกจากป่า แม่จำได้ว่าครูบอกพวกเราว่าเมื่อถึงปลายป่าเราจะเห็นแสงและป่าจะโปร่งขึ้น แม่รู้สึกอุ่นใจขึ้นเรื่อยๆ ว่าแม่กำลังจะออกไปเจอทุกคนเพราะเริ่มเห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่านมากขึ้นเรื่อยๆ
แม่เดินออกจากป่าหลังทุกคน 1 ชั่วโมงหวังว่าจะเจอใครสักคนที่กำลังจะเดินเข้าป่า แม่จะส่งต่อ “มือที่เดินได้” ให้ใครคนนั้น แต่แม่มองไม่เห็นใครสักคนเพราะตอนนั้น 5:30 โมงแล้วไม่มีใครเดินเข้าไปในป่าตอนใกล้ค่ำ วินาทีที่แม่วางไม้เท้าไว้บนโขดหินตรงทางออก แม่นึกถึงประโยคที่คุยกับปัญญ์วันรุ่งขึ้นหลังละครเพลง Into the Woods จบลง “แม่ว่าป่าเหมือนใจมนุษย์เลย” ปัญญ์ตอบแม่ว่า “ใครๆ ก็รู้เรื่องนี้แม่”
ช่วงเวลาที่เราทุกคนกลับมาแชร์ความรู้สึกตอนอยู่ในป่าเหมือนช่วงแม่กลับออกมาจากป่าในฮังการี ทีมแม่ 8 คนมานั่งแบ่งปันกันว่าเราเจออะไรในป่า เราแต่ละคนรู้สึกอย่างไรเมื่อต้องเดินอยู่ในป่าคนเดียว แม่แปลกใจมากที่เราทุกคนคิดเหมือนกันว่าการเดินเข้าป่าครั้งนี้ท้าทาย น่ากลัว มีอุปสรรคมากมายทั้งคลื่นลม หน้าผาที่สูงชัน ไม้เท้า เสื้อผ้าที่เราใส่ แต่เราทุกคนทำได้
แม่นั่งคิดในใจว่าสิ่งที่ได้จากการเดินป่าช่วยให้เราแม่ลูกเข้าใจกันมากขึ้น ลูกบอกว่ามันเป็นเส้นทางที่โหดมาก ไม่มีน้ำกิน ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีสัญญาณติดต่อกัน มีแต่ใจที่เข้มแข็งที่ทำให้พวกเราผ่านกันมาได้ แม่เองก็เพิ่งค้นพบว่าแม่แข็งแรงขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่เดินไม่กี่ก้าวก็หอบ ขึ้นบันไดแค่ 3 ชั้นก็หมดแรง ไปเที่ยวทีไรพ่อต้องให้ลูกมาช่วยพยุงแม่เดิน แต่ครั้งนี้พ่อบอกว่าเราขึ้นบันได 59 ชั้น แม่ยังงงตัวเองว่าทำไมทำได้ แม่คิดว่าตัวเองแก่แล้วไม่มีทางทำได้
แม่ดีใจที่ Figure 8 Pool คือสถานที่ที่พ่อกับปรางไม่เคยมา ทำให้ทุกอย่างดูสดใหม่ เราลุยกันไปข้างหน้า ยืดหยุ่นกับเวลาที่ไม่ต้องเร่งรีบ ระหว่างทางกลับเราเจอนกกระตั้วฝูงใหญ่ข้างทะเลสาบ แม่ร้องลั่นตอนมันบินมาเกาะแม่เพราะเล็บมันแหลมมากในขณะที่ปัญญ์นิ่งให้เจ้ากระตั้วเกาะอย่างมีความสุข แม่คิดว่าปัญญ์ไม่เจ็บ แม่เพิ่งรู้ตอนหลังว่าบ่าปัญญ์เลือดออกซิบแต่ปัญญ์อดทนกว่าแม่ไม่บ่นซักคำ บางเรื่องแม่อดทนสู้ลูกไม่ได้จริงๆ
ถ้าการเดินเข้าสู่ป่าคือการเตรียมตัวเองให้เข้มแข็ง แม่ว่าพวกเราพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางที่ท้าทายมากขึ้น แม่ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรแต่แม่เชื่อว่าพวกเราจะอยู่ในการดูแลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสมอ
รักลูก
4/12/63
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150