Inner Journey
ออสเตรเลีย...ของขวัญที่มีเรื่องเล่า (ตอนที่ 1)
เพิ่งมีโอกาสได้นั่งเขียนเรื่องเล่าจากออสเตรเลียหลังมาอยู่ที่นี่ได้ 5 วัน บันทึกแรกไม่ผ่านกองบก. วัยรุ่นเพราะเรื่องที่แม่เล่ามันเรียบเกินไปไม่มีจุดพีค แม่ขำมากว่าบ้านเรามีเรื่องระทึกใจตอนมาเที่ยวทุกปี ทริปนี้จึงดูเรียบง่ายจนแม่หาอะไรเขียนไม่ได้
ในความจริงแม่กลับชอบความเรียบง่ายแบบนี้เพราะเรา 5 คนยุ่งมากถึงมากที่สุดก่อนเดินทาง พ่อไปประชุมที่นิวซีแลนด์ โอมไปแสดงยูริธมี่เรื่อง “อาละดินกับตะเกียงวิเศษ” ที่เชียงใหม่ ปัญญ์แสดงละคร “Into the Woods - The Musical” ของ ม.6 ปรางตามพ่อไปประชุมกลับมาต้องเข้าค่ายของมหาวิทยาลัยต่อ เป็นครั้งแรกที่แม่เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองยุ่งจริงๆ เพราะมีภารกิจหลายอย่างต้องทำให้สำเร็จก่อนขึ้นเครื่องจนนาทีสุดท้าย
การเดินทางครั้งนี้เหมือนการหายใจออกที่เรา 5 คนได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน ความที่พ่อเป็นนักเรียนทุนที่ซิดนีย์เมื่อ 20 กว่าปีที่ก่อน ปรางเคยมาเที่ยวกับพ่อเมื่อปีที่แล้วทำให้เรารู้ว่าจะไปที่ไหน รู้ว่าแต่ละที่มีจุดท่องเที่ยวไหนที่ไม่ควรพลาด ปัญญ์ช่วยพ่อดูเส้นทางระหว่างขับรถทางไกล search หาร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน โอมเป็นช่างภาพและเป็นผู้ช่วยพ่อ ส่วนแม่ว่างงานเพราะทุกคนรับหน้าที่ไปหมด
เรานั่งรำลึกความหลังที่ทำให้ทุกคนขำกันไปตลอดทางระหว่างขับรถทางไกล หนึ่งในหลายคำถามที่ทำให้แม่กลับมาถามตัวเองต่ออีกหลายวันเริ่มต้นด้วยประโยคนี้
“แม่เมื่อก่อนแม่เป็นเลขาใช่ไหม เลขาต้องทำงานเก่งแน่ๆ” โอมถามเสียงสูง
ปรางเสริมว่า “อ่าใช่ จำได้แล้ว เมื่อก่อนแม่ก็ถ่ายรูปเก่งนี่นา”
ปัญญ์ถามต่อว่า “พอแม่มีลูกแล้วความเก่งของแม่หายไปไหนหมด”
แม่รีบอธิบายเป็นพัลวันว่า “เฮ้ย! แม่ทำเป็นหลายอย่างเลยนะทั้งถ่ายรูป ทำอาหารไทย จีน ฝรั่ง เดินทางคนเดียวตลอด ตอนสาวแม่ผอมเหมือนปัญญ์เลยนะ ถามพ่อดูได้”
“เฮ้ย แม่โม้ หรือไม่แม่ก็ต้องมโนไปเองแน่ๆ ที่บอกว่าแม่ผอม แม่ทำกับข้าวเป็น แม่ไปต่างประเทศคนเดียวได้ ตอนนี้เห็นแม่ทำเป็นแค่ถ่ายรูปและเขียน FB พวกเราไม่เชื่อ เพราะแม่ซ่อนจนมิด ฮ่า ฮ่า” วัยรุ่นแซวแม่
คำถามของลูกทำให้แม่นั่งยิ้มนึกในใจว่า “ลูกเอ๋ย วันเวลาของแม่หมดลงแล้ว อรุณรุ่งของวันใหม่ถูกยกให้พ่อของลูกโดยสมบูรณ์” ปีนี้เป็นปีแรกที่แม่รู้สึกว่าตัวเองว่างจากหน้าที่แม่ที่ต้องคอยดูแลเรื่องอาหารหรือนั่งคุยเป็นเพื่อนพ่อระหว่างขับรถทางไกล ตอนนี้ลูก 3 คนผลัดกันหลับเพื่อนั่งคุยเป็นเพื่อนพ่อแทน
หน้าที่อันทรงสิทธิ์เดียวในการเดินทางคือการนำสวดมนต์และการเป็นหมอของครอบครัว ร่วมยาที่แม่พกมาต้องพร้อมใช้งานเสมอถ้าใครป่วย ในวันที่ชีวิตเดินทางมาถึงช่วงปีที่แม่ได้ค้นพบ “ตัวเอง” จริงๆ ทำให้แม่รู้ว่าอะไรคือแก่นสารที่แม่อยากเก็บไว้และอะไรที่อยากทิ้งไป เรื่องราวต่างๆ ตลอด 1 ปีก็ผุดพรายขึ้นมา
ปีนี้เป็นปีที่มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นมากมายในชีวิตแม่ที่ลูกไม่เคยรู้ แม่ดีใจมากที่ส่งปรางเดินทางมาถึงปลายทางจนอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ยืนเคียงข้างปัญญ์ในวันที่ Moon Node แรกตอนอายุ 18 ปีมาถึง เตรียมต้อนรับโอมผู้เปลี่ยนจากกบฏร้ายเป็นวัยรุ่นตอนกลางในวันอายุครบ 16 ปี เรื่องสำคัญเรื่องสุดท้ายคือปีนี้แม่อายุครบ 55 ปีเป็น Mood Node สุดท้ายในชีวิตแม่
มีคนเคยถามแม่ว่า Moon Node คืออะไร ตอนนี้ยังไม่มีคำแปลภาษาไทยที่เหมาะสม แม่อธิบายง่ายๆ ว่าเป็นปีที่หนุ่มสาวจะกลับมาทบทวนพันธกิจของชีวิตตัวเองว่าเราคือใคร เราเกิดมาเพื่อทำอะไรบนโลกใบนี้ Mood Node เกิดขึ้น 3 ครั้งคือช่วงอายุ 18 ตอนเป็นวัยรุ่น อายุ 37 ตอนเข้าสู่วัยกลางคน และครั้งสุดท้ายตอนอายุ 55 เมื่อชีวิตเข้าสู่มัชฌิมวัย
วันแรกที่เรามาถึงออสเตรเลียช่วงเดินสำรวจเมือง แม่สะดุดตากับร้านขายหนังสือร้านหนึ่งที่เขียนหน้าร้านไว้ว่า “Every gifts tell a story” แม่ชอบประโยคนี้มากเพราะตรงกับเรื่องเล่ามากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตแม่ เป็นปีที่แม่ได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า แม่ได้อะไรจากการเดินทางตลอดหลายสิบปีที่แทบไม่มีใครเข้าใจแม่สักคน
ในฐานะแม่ของบ้าน ฐานะศิษย์มีครู ฐานะผู้รับใช้ในชุมชนมนุษยปรัชญา ฐานะผู้ประกอบการสังคม แม่ค้นพบของขวัญมากมายจากการเดินทางด้านใน หนึ่งในของขวัญที่ทำให้แม่ไม่โดดเดี่ยวจนเกินไปคือการเป็นนักเล่าเรื่อง แม่เริ่มมีมุขตลกมากขึ้น เริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นยามต้องเล่าเรื่องที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา
การเดินทางตลอด 5 วันในออสเตรเลียช่วยให้แม่ได้ค้นพบคำตอบที่แม่ตามหามานาน แม่ชอบที่ประเทศนี้มีเรื่องเล่าของตัวเองไม่ว่าจะเป็นวิสัยทัศน์เรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืน การรักษาสิ่งแวดล้อม ป้ายบอกทางที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลง พูดถึงอนาคตที่ดีกว่า และพูดถึงความหวังเมื่อคนสิ้นหวัง แม่หลงรัก Magic ที่ซ่อนอยู่ในเรื่องเล่าทุกเรื่อง
แม่ชอบการสื่อสารที่ชัดเจน เปิดเผยและซื่อตรงผ่านทั้งธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และชีวิตผู้คนที่หลากหลาย นับเป็นครั้งแรกที่แม่ได้เห็นเรื่องที่ไม่เคยได้เห็น ได้ทำเรื่องที่ไม่เคยทำและได้ฟังเรื่องที่ไม่เคยได้ยิน สิ่งที่แม่ชอบมากที่สุดคือช่วงที่พ่อพาพวกเรากลับไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยที่พ่อเรียน เราได้เห็นทั้งความทันสมัยและความเปลี่ยนแปลงที่เติบโตตามกาลเวลาไปพร้อมกับพ่อ
แม่คงใช้ช่วงเวลาที่ท่องเที่ยวอีกหลายวันนี้แบ่งปันเรื่องเล่าให้ลูกฟัง แม่รู้ว่าของขวัญแต่ละชิ้นจะเล่าขานตำนานของตนเอง เชื่อว่าเมื่อลูกฟังจบลูกจะเข้าใจว่า “ทำไมแม่ไม่เหมือนเดิม” ในวันที่แม่ต้องเลือกว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่แม่อยากฝากไว้บนโลกใบนี้
รักลูกค่ะ
แม่
29/12/62
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150
ในความจริงแม่กลับชอบความเรียบง่ายแบบนี้เพราะเรา 5 คนยุ่งมากถึงมากที่สุดก่อนเดินทาง พ่อไปประชุมที่นิวซีแลนด์ โอมไปแสดงยูริธมี่เรื่อง “อาละดินกับตะเกียงวิเศษ” ที่เชียงใหม่ ปัญญ์แสดงละคร “Into the Woods - The Musical” ของ ม.6 ปรางตามพ่อไปประชุมกลับมาต้องเข้าค่ายของมหาวิทยาลัยต่อ เป็นครั้งแรกที่แม่เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองยุ่งจริงๆ เพราะมีภารกิจหลายอย่างต้องทำให้สำเร็จก่อนขึ้นเครื่องจนนาทีสุดท้าย
การเดินทางครั้งนี้เหมือนการหายใจออกที่เรา 5 คนได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน ความที่พ่อเป็นนักเรียนทุนที่ซิดนีย์เมื่อ 20 กว่าปีที่ก่อน ปรางเคยมาเที่ยวกับพ่อเมื่อปีที่แล้วทำให้เรารู้ว่าจะไปที่ไหน รู้ว่าแต่ละที่มีจุดท่องเที่ยวไหนที่ไม่ควรพลาด ปัญญ์ช่วยพ่อดูเส้นทางระหว่างขับรถทางไกล search หาร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน โอมเป็นช่างภาพและเป็นผู้ช่วยพ่อ ส่วนแม่ว่างงานเพราะทุกคนรับหน้าที่ไปหมด
เรานั่งรำลึกความหลังที่ทำให้ทุกคนขำกันไปตลอดทางระหว่างขับรถทางไกล หนึ่งในหลายคำถามที่ทำให้แม่กลับมาถามตัวเองต่ออีกหลายวันเริ่มต้นด้วยประโยคนี้
“แม่เมื่อก่อนแม่เป็นเลขาใช่ไหม เลขาต้องทำงานเก่งแน่ๆ” โอมถามเสียงสูง
ปรางเสริมว่า “อ่าใช่ จำได้แล้ว เมื่อก่อนแม่ก็ถ่ายรูปเก่งนี่นา”
ปัญญ์ถามต่อว่า “พอแม่มีลูกแล้วความเก่งของแม่หายไปไหนหมด”
แม่รีบอธิบายเป็นพัลวันว่า “เฮ้ย! แม่ทำเป็นหลายอย่างเลยนะทั้งถ่ายรูป ทำอาหารไทย จีน ฝรั่ง เดินทางคนเดียวตลอด ตอนสาวแม่ผอมเหมือนปัญญ์เลยนะ ถามพ่อดูได้”
“เฮ้ย แม่โม้ หรือไม่แม่ก็ต้องมโนไปเองแน่ๆ ที่บอกว่าแม่ผอม แม่ทำกับข้าวเป็น แม่ไปต่างประเทศคนเดียวได้ ตอนนี้เห็นแม่ทำเป็นแค่ถ่ายรูปและเขียน FB พวกเราไม่เชื่อ เพราะแม่ซ่อนจนมิด ฮ่า ฮ่า” วัยรุ่นแซวแม่
คำถามของลูกทำให้แม่นั่งยิ้มนึกในใจว่า “ลูกเอ๋ย วันเวลาของแม่หมดลงแล้ว อรุณรุ่งของวันใหม่ถูกยกให้พ่อของลูกโดยสมบูรณ์” ปีนี้เป็นปีแรกที่แม่รู้สึกว่าตัวเองว่างจากหน้าที่แม่ที่ต้องคอยดูแลเรื่องอาหารหรือนั่งคุยเป็นเพื่อนพ่อระหว่างขับรถทางไกล ตอนนี้ลูก 3 คนผลัดกันหลับเพื่อนั่งคุยเป็นเพื่อนพ่อแทน
หน้าที่อันทรงสิทธิ์เดียวในการเดินทางคือการนำสวดมนต์และการเป็นหมอของครอบครัว ร่วมยาที่แม่พกมาต้องพร้อมใช้งานเสมอถ้าใครป่วย ในวันที่ชีวิตเดินทางมาถึงช่วงปีที่แม่ได้ค้นพบ “ตัวเอง” จริงๆ ทำให้แม่รู้ว่าอะไรคือแก่นสารที่แม่อยากเก็บไว้และอะไรที่อยากทิ้งไป เรื่องราวต่างๆ ตลอด 1 ปีก็ผุดพรายขึ้นมา
ปีนี้เป็นปีที่มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นมากมายในชีวิตแม่ที่ลูกไม่เคยรู้ แม่ดีใจมากที่ส่งปรางเดินทางมาถึงปลายทางจนอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ยืนเคียงข้างปัญญ์ในวันที่ Moon Node แรกตอนอายุ 18 ปีมาถึง เตรียมต้อนรับโอมผู้เปลี่ยนจากกบฏร้ายเป็นวัยรุ่นตอนกลางในวันอายุครบ 16 ปี เรื่องสำคัญเรื่องสุดท้ายคือปีนี้แม่อายุครบ 55 ปีเป็น Mood Node สุดท้ายในชีวิตแม่
มีคนเคยถามแม่ว่า Moon Node คืออะไร ตอนนี้ยังไม่มีคำแปลภาษาไทยที่เหมาะสม แม่อธิบายง่ายๆ ว่าเป็นปีที่หนุ่มสาวจะกลับมาทบทวนพันธกิจของชีวิตตัวเองว่าเราคือใคร เราเกิดมาเพื่อทำอะไรบนโลกใบนี้ Mood Node เกิดขึ้น 3 ครั้งคือช่วงอายุ 18 ตอนเป็นวัยรุ่น อายุ 37 ตอนเข้าสู่วัยกลางคน และครั้งสุดท้ายตอนอายุ 55 เมื่อชีวิตเข้าสู่มัชฌิมวัย
วันแรกที่เรามาถึงออสเตรเลียช่วงเดินสำรวจเมือง แม่สะดุดตากับร้านขายหนังสือร้านหนึ่งที่เขียนหน้าร้านไว้ว่า “Every gifts tell a story” แม่ชอบประโยคนี้มากเพราะตรงกับเรื่องเล่ามากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตแม่ เป็นปีที่แม่ได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า แม่ได้อะไรจากการเดินทางตลอดหลายสิบปีที่แทบไม่มีใครเข้าใจแม่สักคน
ในฐานะแม่ของบ้าน ฐานะศิษย์มีครู ฐานะผู้รับใช้ในชุมชนมนุษยปรัชญา ฐานะผู้ประกอบการสังคม แม่ค้นพบของขวัญมากมายจากการเดินทางด้านใน หนึ่งในของขวัญที่ทำให้แม่ไม่โดดเดี่ยวจนเกินไปคือการเป็นนักเล่าเรื่อง แม่เริ่มมีมุขตลกมากขึ้น เริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นยามต้องเล่าเรื่องที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา
การเดินทางตลอด 5 วันในออสเตรเลียช่วยให้แม่ได้ค้นพบคำตอบที่แม่ตามหามานาน แม่ชอบที่ประเทศนี้มีเรื่องเล่าของตัวเองไม่ว่าจะเป็นวิสัยทัศน์เรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืน การรักษาสิ่งแวดล้อม ป้ายบอกทางที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลง พูดถึงอนาคตที่ดีกว่า และพูดถึงความหวังเมื่อคนสิ้นหวัง แม่หลงรัก Magic ที่ซ่อนอยู่ในเรื่องเล่าทุกเรื่อง
แม่ชอบการสื่อสารที่ชัดเจน เปิดเผยและซื่อตรงผ่านทั้งธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และชีวิตผู้คนที่หลากหลาย นับเป็นครั้งแรกที่แม่ได้เห็นเรื่องที่ไม่เคยได้เห็น ได้ทำเรื่องที่ไม่เคยทำและได้ฟังเรื่องที่ไม่เคยได้ยิน สิ่งที่แม่ชอบมากที่สุดคือช่วงที่พ่อพาพวกเรากลับไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยที่พ่อเรียน เราได้เห็นทั้งความทันสมัยและความเปลี่ยนแปลงที่เติบโตตามกาลเวลาไปพร้อมกับพ่อ
แม่คงใช้ช่วงเวลาที่ท่องเที่ยวอีกหลายวันนี้แบ่งปันเรื่องเล่าให้ลูกฟัง แม่รู้ว่าของขวัญแต่ละชิ้นจะเล่าขานตำนานของตนเอง เชื่อว่าเมื่อลูกฟังจบลูกจะเข้าใจว่า “ทำไมแม่ไม่เหมือนเดิม” ในวันที่แม่ต้องเลือกว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่แม่อยากฝากไว้บนโลกใบนี้
รักลูกค่ะ
แม่
29/12/62
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150