Inner Journey
คุณคือหมอคนแรกของลูก (ตอนที่ 2)
พี่อยากจะบอกว่าของขวัญที่แท้จริงของการเป็นหมอของลูกคือการได้เรียนรู้ไปพร้อมลูก ได้ค้นพบคำตอบที่ค้างคาใจด้วยตัวเอง และได้แบ่งปันประสบการณ์ร่วมกับคนอื่น
หัวใจหลักขององค์ความรู้และภูมิปัญญาทั้งหมดคือการกลับมาดูแลสุขภาพของตัวเราเอง ยิ่งพลังชีวิตของแม่มีมากเท่าไหร่ เรายิ่งเสริมภูมิคุ้มกันทางใจให้ลูกได้มากเท่านั้น
พี่เชื่อว่าทุกคนคงคิดเหมือนพี่ว่าไม่มีหมอคนไหนบนโลกใบนี้ที่จะสามารถฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้ลูกเราได้ มีเพียงสองมือแม่และพ่อเท่านั้นที่จะเพาะบ่มและสะสมภูมิคุ้มกันทางใจให้เกิดขึ้นทุกครั้งหลังการป่วยไข้
ถ้าถามพี่ว่า “ภูมิคุ้มกันทางใจ” ช่วยลูกได้อย่างไร ภูมิคุ้มกันทางใจช่วยเตรียมความพร้อมเพื่อให้ลูกรับมือกับการเปลี่ยนแปลง สามารถรอคอยความสุขในอนาคตมากกว่าเลือกความสุขในปัจจุบันและพร้อมเผชิญหน้ากับความย้อนแย้งของชีวิตได้ในวันที่เขาเติบโตขึ้น
ภูมิคุ้มกันทางใจมีราคาที่ต้องแลกผ่านการลงมือทำที่มุ่งมั่นของพวกเราพ่อแม่ เราจะไม่มีวันเข้าใจพลังด้านบวกของความเจ็บป่วยถ้าเราไม่เคยอดหลับอดนอน ลุกขึ้นมาเช็ดตัว วัดไข้ และปรุงยาให้ลูกกินเอง
พี่เห็นคุณแม่หลายคนมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดเมื่อเปลี่ยนตัวเองมาเป็นหมอของลูก ทุกคนสุขุมและมีสติมากขึ้น คิดเป็นระบบและตัดสินใจบนหลักการมากกว่าการใช้เพียงความรู้สึกซึ่งส่วนใหญ่เอนเอียงไปทางความไม่มั่นใจ กังวล กลัว ไม่กล้า
ทุกครั้งที่พี่มีโอกาสแนะนำเรื่องการดูแลลูกยามเจ็บป่วยพี่จะเน้นย้ำเสมอว่าให้ดูแลเรื่องอาหารในช่วงลูกป่วย คำเฉลยที่ทำให้ทุกคนมั่นใจมากขึ้นคือกระบวนการดูแลลูกทั้งหมดเริ่มต้นที่ดูแลธาตุดินของลูกให้ดี เพราะธาตุดินเป็นที่ตั้งของธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ถ้าธาตุดินไม่แข็งแรงเวลาลูกป่วยจะเจ็บป่วยที่อวัยวะสำคัญเช่น ปอด ลำไส้ กระเพาะอาหาร เป็นต้น
การดูแลธาตุดินให้แข็งแรงคือดูแลเรื่องอาหารใหม่ (อาหารที่ทานทุกวัน่) อาหารเก่า (กระบวนการขับของเสียในร่างกาย) หัวใจ (อัตราการเต้นของหัวใจหรือที่ตั้งของดวงจิต) ทั้ง 3 ปัจจัยหลักนี้ส่งผลต่อจิตใจและอารมณ์ของลูกในตอนโต ครั้งนี้ทุกคนได้ตรวจเช็คธาตุเจ้าเรือนที่สัมพันธ์กับ Temperament ของตัวเองด้วย (ดูรายละเอียดในเอกสารสรุปนะคะ)
ดังนั้น ถ้าเรารู้ว่าตัวเราหรือลูกเป็นธาตุอะไร เราก็สามารถเตรียมอาหารให้เหมาะกับธาตุของแต่ละคน หลักการง่ายๆ คือลูกต้องทานอาหารที่สดใหม่ ไม่แปรรูป กินอาหารให้หลากหลาย ไม่ควรกินอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งนานเกินไป สุดยอดอาหารบำรุงธาตุทั้ง 4 คือพืชผักที่ออกตามฤดูกาล
ครั้งนี้เราลงลึกเรื่องกระบวนการรักษาและหลักการสำคัญของการจ่ายยาหรือการปรุงยาด้วยตัวเองตามหลักเภสัชกรรมไทย เพราะถ้าเราแม่นในหลักการนี้เราจะเลือกใช้ยาได้ถูกต้อง
กระบวนการรักษาจะเริ่มจาก “รุ รักษา บำรุง” ยารุคือยาถ่าย ยารักษาคือตัวยาที่ผสมอยู่ในตำรับยาแต่ละชนิดที่รักษาระบบต่างๆ ในร่างกาย ยาบำรุงคือตัวยาช่วยบำรุงอวัยวะให้แข็งแรง
ในกรณีที่ป่วยด้วยจุดอ่อนสุขภาพเมื่อเราทำครบ 3 ขั้นตอนนี้ ธาตุดินก็จะกลับมาแข็งแรงสมดุลดังเดิม ที่น่าสนใจคือธาตุดินจะพัฒนาต่อจนเต็มศักยภาพในกรณีที่ลูกป่วยตามพัฒนาการ เช่นลูกหัวใจเต้นเท่าผู้ใหญ่ตั้งแต่ 9 ขวบและพัฒนาถึงขีดสุดตอน 11 ขวบ คนสมัยโบราณรู้เรื่องการรักษาธาตุดินให้แข็งแรงโดยการให้เด็กไว้จุกและโกนจุกตอนอายุ 11 ขวบ
เราเรียนทั้งวิธีอ่านฉลากยาและหาความเชื่อมโยงว่าตัวยาแต่ละชนิดแก้อาการอะไรและรักษาระบบใด สิ่งที่เราเรียนรู้ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อหล่อเลี้ยงพลังงานอันเป็นนิรันดร์หรือ Cosmic force ของแต่ละธาตุ ที่ทำงานในพวกเราแต่ละคนต่างกัน
การเชื่อมต่อกลับไปยัง Cosmic Force จะช่วยให้ทั้งเราและลูกก้าวข้ามความกลัว ความไม่รู้ ด้วยปัญญาญาณด้านใน ลุ่มลึกกับการใช้ชีวิตและเบิกบานกับทุกสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ
เราจบวันด้วยการกลับไปย้อนทวนและทำความเข้าใจกับ Temperament ที่เชื่อมต่อกับธาตุทั้ง 4 ด้วยมุมมองใหม่ แม้เราจะมีเวลาช่วงท้ายไม่มากนักแต่พี่เห็นแววตาที่เปลี่ยนจากความลังเลสงสัย เป็นความเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง ตอบตัวเองได้ว่า “ฉันคือใคร” และจะเปลี่ยนบุคลิกภาพของตัวเองได้อย่างไร
หนทางของเรายังอีกยาวไกล ยังมีอีกหลายเรื่องราวให้เราได้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกันในอีก 5 อาทิตย์ต่อจากนี้ อยากถือโอกาสนี้เชิญชวนให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่สนใจมาเดินทางด้านในและจูงมือกันก้าวไปพร้อมพวกเราค่ะ
รัก
พี่ณี
13/1/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150
หัวใจหลักขององค์ความรู้และภูมิปัญญาทั้งหมดคือการกลับมาดูแลสุขภาพของตัวเราเอง ยิ่งพลังชีวิตของแม่มีมากเท่าไหร่ เรายิ่งเสริมภูมิคุ้มกันทางใจให้ลูกได้มากเท่านั้น
พี่เชื่อว่าทุกคนคงคิดเหมือนพี่ว่าไม่มีหมอคนไหนบนโลกใบนี้ที่จะสามารถฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้ลูกเราได้ มีเพียงสองมือแม่และพ่อเท่านั้นที่จะเพาะบ่มและสะสมภูมิคุ้มกันทางใจให้เกิดขึ้นทุกครั้งหลังการป่วยไข้
ถ้าถามพี่ว่า “ภูมิคุ้มกันทางใจ” ช่วยลูกได้อย่างไร ภูมิคุ้มกันทางใจช่วยเตรียมความพร้อมเพื่อให้ลูกรับมือกับการเปลี่ยนแปลง สามารถรอคอยความสุขในอนาคตมากกว่าเลือกความสุขในปัจจุบันและพร้อมเผชิญหน้ากับความย้อนแย้งของชีวิตได้ในวันที่เขาเติบโตขึ้น
ภูมิคุ้มกันทางใจมีราคาที่ต้องแลกผ่านการลงมือทำที่มุ่งมั่นของพวกเราพ่อแม่ เราจะไม่มีวันเข้าใจพลังด้านบวกของความเจ็บป่วยถ้าเราไม่เคยอดหลับอดนอน ลุกขึ้นมาเช็ดตัว วัดไข้ และปรุงยาให้ลูกกินเอง
พี่เห็นคุณแม่หลายคนมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดเมื่อเปลี่ยนตัวเองมาเป็นหมอของลูก ทุกคนสุขุมและมีสติมากขึ้น คิดเป็นระบบและตัดสินใจบนหลักการมากกว่าการใช้เพียงความรู้สึกซึ่งส่วนใหญ่เอนเอียงไปทางความไม่มั่นใจ กังวล กลัว ไม่กล้า
ทุกครั้งที่พี่มีโอกาสแนะนำเรื่องการดูแลลูกยามเจ็บป่วยพี่จะเน้นย้ำเสมอว่าให้ดูแลเรื่องอาหารในช่วงลูกป่วย คำเฉลยที่ทำให้ทุกคนมั่นใจมากขึ้นคือกระบวนการดูแลลูกทั้งหมดเริ่มต้นที่ดูแลธาตุดินของลูกให้ดี เพราะธาตุดินเป็นที่ตั้งของธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ถ้าธาตุดินไม่แข็งแรงเวลาลูกป่วยจะเจ็บป่วยที่อวัยวะสำคัญเช่น ปอด ลำไส้ กระเพาะอาหาร เป็นต้น
การดูแลธาตุดินให้แข็งแรงคือดูแลเรื่องอาหารใหม่ (อาหารที่ทานทุกวัน่) อาหารเก่า (กระบวนการขับของเสียในร่างกาย) หัวใจ (อัตราการเต้นของหัวใจหรือที่ตั้งของดวงจิต) ทั้ง 3 ปัจจัยหลักนี้ส่งผลต่อจิตใจและอารมณ์ของลูกในตอนโต ครั้งนี้ทุกคนได้ตรวจเช็คธาตุเจ้าเรือนที่สัมพันธ์กับ Temperament ของตัวเองด้วย (ดูรายละเอียดในเอกสารสรุปนะคะ)
ดังนั้น ถ้าเรารู้ว่าตัวเราหรือลูกเป็นธาตุอะไร เราก็สามารถเตรียมอาหารให้เหมาะกับธาตุของแต่ละคน หลักการง่ายๆ คือลูกต้องทานอาหารที่สดใหม่ ไม่แปรรูป กินอาหารให้หลากหลาย ไม่ควรกินอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งนานเกินไป สุดยอดอาหารบำรุงธาตุทั้ง 4 คือพืชผักที่ออกตามฤดูกาล
ครั้งนี้เราลงลึกเรื่องกระบวนการรักษาและหลักการสำคัญของการจ่ายยาหรือการปรุงยาด้วยตัวเองตามหลักเภสัชกรรมไทย เพราะถ้าเราแม่นในหลักการนี้เราจะเลือกใช้ยาได้ถูกต้อง
กระบวนการรักษาจะเริ่มจาก “รุ รักษา บำรุง” ยารุคือยาถ่าย ยารักษาคือตัวยาที่ผสมอยู่ในตำรับยาแต่ละชนิดที่รักษาระบบต่างๆ ในร่างกาย ยาบำรุงคือตัวยาช่วยบำรุงอวัยวะให้แข็งแรง
ในกรณีที่ป่วยด้วยจุดอ่อนสุขภาพเมื่อเราทำครบ 3 ขั้นตอนนี้ ธาตุดินก็จะกลับมาแข็งแรงสมดุลดังเดิม ที่น่าสนใจคือธาตุดินจะพัฒนาต่อจนเต็มศักยภาพในกรณีที่ลูกป่วยตามพัฒนาการ เช่นลูกหัวใจเต้นเท่าผู้ใหญ่ตั้งแต่ 9 ขวบและพัฒนาถึงขีดสุดตอน 11 ขวบ คนสมัยโบราณรู้เรื่องการรักษาธาตุดินให้แข็งแรงโดยการให้เด็กไว้จุกและโกนจุกตอนอายุ 11 ขวบ
เราเรียนทั้งวิธีอ่านฉลากยาและหาความเชื่อมโยงว่าตัวยาแต่ละชนิดแก้อาการอะไรและรักษาระบบใด สิ่งที่เราเรียนรู้ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อหล่อเลี้ยงพลังงานอันเป็นนิรันดร์หรือ Cosmic force ของแต่ละธาตุ ที่ทำงานในพวกเราแต่ละคนต่างกัน
การเชื่อมต่อกลับไปยัง Cosmic Force จะช่วยให้ทั้งเราและลูกก้าวข้ามความกลัว ความไม่รู้ ด้วยปัญญาญาณด้านใน ลุ่มลึกกับการใช้ชีวิตและเบิกบานกับทุกสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ
เราจบวันด้วยการกลับไปย้อนทวนและทำความเข้าใจกับ Temperament ที่เชื่อมต่อกับธาตุทั้ง 4 ด้วยมุมมองใหม่ แม้เราจะมีเวลาช่วงท้ายไม่มากนักแต่พี่เห็นแววตาที่เปลี่ยนจากความลังเลสงสัย เป็นความเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง ตอบตัวเองได้ว่า “ฉันคือใคร” และจะเปลี่ยนบุคลิกภาพของตัวเองได้อย่างไร
หนทางของเรายังอีกยาวไกล ยังมีอีกหลายเรื่องราวให้เราได้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกันในอีก 5 อาทิตย์ต่อจากนี้ อยากถือโอกาสนี้เชิญชวนให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่สนใจมาเดินทางด้านในและจูงมือกันก้าวไปพร้อมพวกเราค่ะ
รัก
พี่ณี
13/1/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150