Inner Journey
เมืองต้องไป....ฮอกไกโด (ตอนที่2)
ถ้าให้พี่ประเมินการมาเที่ยวครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนอยู่มากโข คะแนนเต็ม 10 ได้ไป 9 เพราะพวกเราเริ่มถอดรหัสบทเรียนจากครั้งก่อนหน้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พัก อาหารและการเดินทาง
ปกติถ้ามาเที่ยวแถบเอเชียเราจะใช้วิธีเดินทางโดยรถไฟเพราะสะดวกกว่า ได้นั่งพักชมวิวสองข้างทางและไม่ต้องวนหาที่จอดรถ แต่ครั้งนี้พี่สมบูรณ์เปลี่ยนมาเช่ารถขับเองเพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งอยู่นอกเมือง บางแห่งรถไฟไปไม่ถึง เดินทางได้โดยรถยนต์ แท็กซี่หรือรถบัสสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น
ครั้งนี้เราเลือกที่พักในเมืองเพียงที่เดียวและใช้ขับรถไปกลับทุกวันแทน เมื่อก่อนเราใช้วิธีเปลี่ยนที่พักตามเมืองที่เราไป ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟและเดินหาที่พักในแต่ละเมือง แม้เราจะเลือกที่พักอยู่ใกล้สถานีรถไฟ แต่ถ้า Google map หาพิกัดไม่เจอ เราต้องลากกระเป๋าวนไปเหมือนตอนไปโตเกียวครั้งที่แล้ว
ตารางรถไฟเป็นอีกหนึ่งข้อจำกัดเพราะต้องวิ่งให้ทันตามตารางที่กำหนด ถ้าเป็นสายเส้นทางเดียวกันไม่ค่อยมีปัญหา แต่พอต้องเปลี่ยนสายและเปลี่ยนเส้นทางเราต้องวิ่งกันให้ทัน การวิ่งในสถานีรถไฟกลายเป็นเรื่องปกติ บางวันก็สนุกดีแต่บางวันก็เหนื่อยเอาการ จากปกติเป็นคนเดินน้อยเฉลี่ยไม่ถึงวันละ 1,000 ก้าว กระโดดเป็นเดินวันละเกือบ 2 หมื่นก้าว พี่เคยทำสถิติเดินสูงสุดถึง 28,000 ก้าว ถึงกับช็อคเมื่อเห็นตัวเลข
เราได้เรียนรู้มากขึ้นว่าการขนกระเป๋าทิ้งไว้บนรถง่ายกว่าไปฝากไว้ในตู้ล็อคเกอร์ เพียงแต่ต้องจำกัดจำนวนกระเป๋าให้เหลือน้อยที่สุดเพราะเราไม่รู้ว่ารถที่เราจองจุกระเป๋าได้กี่ใบ เพราะบางประเทศในแถบยุโรปเป็นรถหลังคาเตี้ยใส่กระเป๋าเพียง 2 ใบก็เต็ม แม้เราจะขอรถที่จุกระเป๋าได้มากกว่า 2 ใบ
กระเป๋าเดินทางถือเป็นบททดสอบความแข็งแรง สถานีรถไฟบางแห่งมีลิฟต์แต่บางแห่งต้องยกกระเป๋าลงเอง พี่ไม่ค่อยเท่าไหร่แต่พี่สมบูรณ์กับโอมต้องรับหน้าที่ยกกระเป๋าใหญ่ทุกครั้ง ส่วนใหญ่ที่ทุกคนเห็นพี่หอบหิ้วพะรุงพะรังเป็นเสบียงเสียมากกว่า นิสัยแม่ลูกอ่อนยังไม่จางหาย ต้องมีทุกอย่างสำรองไว้ยามฉุกเฉิน
ส่วนเรื่องอาหารการกิน เราเริ่มเรียนรู้แล้วว่าถ้าอยากกินอาหารบางร้านหรือขาปูยักษ์ต้องจองมาก่อนล่วงหน้า บางร้านมีรหัสลับเช่น “คุณมาจากที่ไหน” ถ้าตอบว่ามาจาก “Bangkok” หรือ “Thailand” เป็นอันอดกินเพราะคนที่ได้เข้าไปจะมีรหัสลับที่เป็นอันรู้กัน
ครั้งนี้ปรางช่วยจองร้านบุฟเฟต์ปูยักษ์ล่วงหน้าให้เพราะแม่ร้องขอว่าถ้ามาญี่ปุ่นครั้งหน้าขอให้บรรจุร้านบุฟเฟต์ขาปูยักษ์ในรายการท่องเที่ยวด้วย ทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางมาก ปรางพยายามจัดตารางทุกอย่างที่แม่มีส่วนร่วมตัดสินใจมากที่สุด เพราะแม่ต้องบินกลับก่อน อยู่ด้วยได้เพียง 3 วัน 3 คืนเท่านั้น
เรามาถึงฮอกไกโดในช่วงเช้า อากาศกำลังสบายอยู่ที่ 17-19 องศาเนื่องจากเป็นหน้าร้อน ปรางหาสถานที่ท่องเที่ยวมาสองแบบให้แม่เลือกคือเที่ยวใกล้ๆ ตัวเมืองมีวัด เมืองใหม่ พิพิธภัณฑ์ ออนเซ็น หรือสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติเช่นสวนดอกไม้ น้ำตก เดินป่า บ่อน้ำสีฟ้าซึ่งต้องขับรถออกนอกเมืองทุกวัน
เนื่องจากเรามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยมาก พี่เลือกเส้นทางท่องเที่ยวตามธรรมชาติทั้งหมดและให้พ่อลูกไปแช่ออนเซ็นและเที่ยวใกล้ๆ เมืองต่อหลังส่งแม่กลับเมืองไทย
ตลอดสองข้างทางที่เราขับรถไปสวนดอกไม้ที่ Farm Tomita มีแต่ทุ่งหญ้าสีเขียวสดตัดกับทุ่งข้าวสาลีสีเหลือง มีดอกไม้เมืองหนาวขึ้นตลอดสองข้างทางทั้งทางเท้าและสวนในบ้าน ใครที่ชอบดอกไม้มาถึงนี้คงชอบมากเพราะเหมือนสวนดอกไม้กลางแจ้งขนาดมหึมาที่เดินชมได้ทั้งวัน
ทุ่งลาเวนเดอร์ที่เรามาเยือนคลาคล่ำไปด้วยผู้คน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของลาเวนเดอร์ตลบอบอวลไปทั่ว และไฮไลต์ของที่นี่คือไอศกรีมสีม่วงสวย เบเกอรี่ที่ทำจากลาเวนเดอร์ รวมถึงเครื่องดื่มที่ทำจากลาเวนเดอร์ทั้งหมด
หลังเดินดูดอกไม้สีสวยและหามุมถ่ายรูปที่คนน้อยที่สุดซึ่งหายากมาก เพราะทุกมุมสวยไปหมด ฝนเริ่มตกแรงขึ้นพวกเราเลยรีบกลับเพราะต้องขับรถย้อนกลับเข้าไปหาที่พักในเมืองอีก 2 ชั่วโมง
GPS ในรถนำทางพาพวกเรามาถึงที่พักอย่างปลอดภัย เราขับรถเวียนหาโรงแรมในเมือง 2 รอบเพราะขับเลยซอย หลังอิ่มอร่อยกับราเม็งร้านดัง เรารีบนอนหลับพักเอาแรงเพื่อเดินทางไกลต่อในวันพรุ่งนี้
รัก
พี่ณี
16/7/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150
ถ้าให้พี่ประเมินการมาเที่ยวครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนอยู่มากโข คะแนนเต็ม 10 ได้ไป 9 เพราะพวกเราเริ่มถอดรหัสบทเรียนจากครั้งก่อนหน้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พัก อาหารและการเดินทาง
ปกติถ้ามาเที่ยวแถบเอเชียเราจะใช้วิธีเดินทางโดยรถไฟเพราะสะดวกกว่า ได้นั่งพักชมวิวสองข้างทางและไม่ต้องวนหาที่จอดรถ แต่ครั้งนี้พี่สมบูรณ์เปลี่ยนมาเช่ารถขับเองเพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งอยู่นอกเมือง บางแห่งรถไฟไปไม่ถึง เดินทางได้โดยรถยนต์ แท็กซี่หรือรถบัสสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น
ครั้งนี้เราเลือกที่พักในเมืองเพียงที่เดียวและใช้ขับรถไปกลับทุกวันแทน เมื่อก่อนเราใช้วิธีเปลี่ยนที่พักตามเมืองที่เราไป ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟและเดินหาที่พักในแต่ละเมือง แม้เราจะเลือกที่พักอยู่ใกล้สถานีรถไฟ แต่ถ้า Google map หาพิกัดไม่เจอ เราต้องลากกระเป๋าวนไปเหมือนตอนไปโตเกียวครั้งที่แล้ว
ตารางรถไฟเป็นอีกหนึ่งข้อจำกัดเพราะต้องวิ่งให้ทันตามตารางที่กำหนด ถ้าเป็นสายเส้นทางเดียวกันไม่ค่อยมีปัญหา แต่พอต้องเปลี่ยนสายและเปลี่ยนเส้นทางเราต้องวิ่งกันให้ทัน การวิ่งในสถานีรถไฟกลายเป็นเรื่องปกติ บางวันก็สนุกดีแต่บางวันก็เหนื่อยเอาการ จากปกติเป็นคนเดินน้อยเฉลี่ยไม่ถึงวันละ 1,000 ก้าว กระโดดเป็นเดินวันละเกือบ 2 หมื่นก้าว พี่เคยทำสถิติเดินสูงสุดถึง 28,000 ก้าว ถึงกับช็อคเมื่อเห็นตัวเลข
เราได้เรียนรู้มากขึ้นว่าการขนกระเป๋าทิ้งไว้บนรถง่ายกว่าไปฝากไว้ในตู้ล็อคเกอร์ เพียงแต่ต้องจำกัดจำนวนกระเป๋าให้เหลือน้อยที่สุดเพราะเราไม่รู้ว่ารถที่เราจองจุกระเป๋าได้กี่ใบ เพราะบางประเทศในแถบยุโรปเป็นรถหลังคาเตี้ยใส่กระเป๋าเพียง 2 ใบก็เต็ม แม้เราจะขอรถที่จุกระเป๋าได้มากกว่า 2 ใบ
กระเป๋าเดินทางถือเป็นบททดสอบความแข็งแรง สถานีรถไฟบางแห่งมีลิฟต์แต่บางแห่งต้องยกกระเป๋าลงเอง พี่ไม่ค่อยเท่าไหร่แต่พี่สมบูรณ์กับโอมต้องรับหน้าที่ยกกระเป๋าใหญ่ทุกครั้ง ส่วนใหญ่ที่ทุกคนเห็นพี่หอบหิ้วพะรุงพะรังเป็นเสบียงเสียมากกว่า นิสัยแม่ลูกอ่อนยังไม่จางหาย ต้องมีทุกอย่างสำรองไว้ยามฉุกเฉิน
ส่วนเรื่องอาหารการกิน เราเริ่มเรียนรู้แล้วว่าถ้าอยากกินอาหารบางร้านหรือขาปูยักษ์ต้องจองมาก่อนล่วงหน้า บางร้านมีรหัสลับเช่น “คุณมาจากที่ไหน” ถ้าตอบว่ามาจาก “Bangkok” หรือ “Thailand” เป็นอันอดกินเพราะคนที่ได้เข้าไปจะมีรหัสลับที่เป็นอันรู้กัน
ครั้งนี้ปรางช่วยจองร้านบุฟเฟต์ปูยักษ์ล่วงหน้าให้เพราะแม่ร้องขอว่าถ้ามาญี่ปุ่นครั้งหน้าขอให้บรรจุร้านบุฟเฟต์ขาปูยักษ์ในรายการท่องเที่ยวด้วย ทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางมาก ปรางพยายามจัดตารางทุกอย่างที่แม่มีส่วนร่วมตัดสินใจมากที่สุด เพราะแม่ต้องบินกลับก่อน อยู่ด้วยได้เพียง 3 วัน 3 คืนเท่านั้น
เรามาถึงฮอกไกโดในช่วงเช้า อากาศกำลังสบายอยู่ที่ 17-19 องศาเนื่องจากเป็นหน้าร้อน ปรางหาสถานที่ท่องเที่ยวมาสองแบบให้แม่เลือกคือเที่ยวใกล้ๆ ตัวเมืองมีวัด เมืองใหม่ พิพิธภัณฑ์ ออนเซ็น หรือสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติเช่นสวนดอกไม้ น้ำตก เดินป่า บ่อน้ำสีฟ้าซึ่งต้องขับรถออกนอกเมืองทุกวัน
เนื่องจากเรามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยมาก พี่เลือกเส้นทางท่องเที่ยวตามธรรมชาติทั้งหมดและให้พ่อลูกไปแช่ออนเซ็นและเที่ยวใกล้ๆ เมืองต่อหลังส่งแม่กลับเมืองไทย
ตลอดสองข้างทางที่เราขับรถไปสวนดอกไม้ที่ Farm Tomita มีแต่ทุ่งหญ้าสีเขียวสดตัดกับทุ่งข้าวสาลีสีเหลือง มีดอกไม้เมืองหนาวขึ้นตลอดสองข้างทางทั้งทางเท้าและสวนในบ้าน ใครที่ชอบดอกไม้มาถึงนี้คงชอบมากเพราะเหมือนสวนดอกไม้กลางแจ้งขนาดมหึมาที่เดินชมได้ทั้งวัน
ทุ่งลาเวนเดอร์ที่เรามาเยือนคลาคล่ำไปด้วยผู้คน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของลาเวนเดอร์ตลบอบอวลไปทั่ว และไฮไลต์ของที่นี่คือไอศกรีมสีม่วงสวย เบเกอรี่ที่ทำจากลาเวนเดอร์ รวมถึงเครื่องดื่มที่ทำจากลาเวนเดอร์ทั้งหมด
หลังเดินดูดอกไม้สีสวยและหามุมถ่ายรูปที่คนน้อยที่สุดซึ่งหายากมาก เพราะทุกมุมสวยไปหมด ฝนเริ่มตกแรงขึ้นพวกเราเลยรีบกลับเพราะต้องขับรถย้อนกลับเข้าไปหาที่พักในเมืองอีก 2 ชั่วโมง
GPS ในรถนำทางพาพวกเรามาถึงที่พักอย่างปลอดภัย เราขับรถเวียนหาโรงแรมในเมือง 2 รอบเพราะขับเลยซอย หลังอิ่มอร่อยกับราเม็งร้านดัง เรารีบนอนหลับพักเอาแรงเพื่อเดินทางไกลต่อในวันพรุ่งนี้
รัก
พี่ณี
16/7/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150