Inner Journey
การงานของพ่อแม่
เป็นที่ถกเถียงกันว่าเราควรเล่าเรื่องการทำงานของเราให้ลูกฟังเมื่อไหร่ จำได้ว่าตอนลูกอยู่อนุบาล ครูให้เราสองคนมาทาสีห้องเรียน ขนย้ายของ ทำสนามเด็กเล่น ในช่วงปิดเทอมหรือวันเสาร์ - อาทิตย์ พ่อหรือแม่จะแตะมือกันมาทำว่าว ทำกระทง ในช่วงเทศกาลเสมอ
เราสองคนพ่อแม่เข้าเรียนหลักสูตร Parenting & Child เพื่อเรียนปักผ้า เย็บตุ๊กตาและใช้มือทำงานทุกอย่างให้ลูกเห็น วันที่ลูกโตขึ้น งานของพ่อแม่เปลี่ยนไปเป็นการทำงานบ้านร่วมกันกับลูก ทุกอาทิตย์ลูกเห็นพ่อไปตลาด แม่ทำกับข้าว เราทุกคนในบ้านช่วยกันกวาดบ้าน ถูบ้าน และขัดห้องน้ำตอนพี่เลี้ยงลากลับบ้าน
เราแทบไม่เคยเล่าให้ลูกฟังเลยว่าเราสองคนทำงานอะไรขำมากที่ตอนเล็กๆ ลูกคุยกัน 3 คนว่าโตขึ้นใครจะเรียนอะไร ด้วยความเป็นเด็ก โอมบอกว่าจะไปเรียนกฎหมายเหมือนพ่อจะได้มาขับรถส่งพี่ๆ ตอนโต อันนี้แม่ขำอยู่คนเดียวในขณะที่พ่อไม่เคยขำด้วยสักครั้ง
ทุกๆ ปีที่ออฟฟิศพ่อและแม่มีงาน Outing เราจะหอบหิ้วลูกไปด้วยทุกครั้ง ที่ใช้คำว่าหอบหิ้วเพราะลูกๆ ไป Outing กับบริษัทพ่อแม่ตั้งแต่ยังแบเบาะ ตอนนี้ลูกโตเป็นวัยรุ่นหมดแล้วเราก็ยังพาลูกไปเที่ยวกับเรา เพื่อให้พวกเขาได้เห็นการงานที่แท้จริงของพ่อแม่
แน่นอนว่าการไปเที่ยวไม่ได้บอกอะไรมากนักเกี่ยวกับหน้าที่และภารกิจของพ่อแม่ แต่บอกลูกทางอ้อมว่านี่คือการงานที่พ่อแม่ให้คุณค่า นี่คือผู้คนที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยตั้งแต่เช้าจรดเย็นเพื่อทำสิ่งดีๆ และสิ่งที่ยิ่งใหญ่ร่วมกัน
การที่ลูกได้กลับมาเห็นคุณลุง คุณป้า คุณน้าคุณอาและพี่ๆ ที่เคยเห็นพวกเขามาตั้งแต่อยู่ในท้อง เห็นบทบาทหน้าที่ของพ่อแม่ที่ปกติไม่เคยได้เห็นเมื่ออยู่บ้าน ทำให้ลูกเข้าใจบทบาทตัวเองมากขึ้นว่าตนเองก็มีภารกิจเช่นเดียวกับพ่อแม่ในวันพวกเขาเติบโตขึ้น
มุมมองต่อวิชาชีพช่วยทำให้ลูกเห็นว่าทุกคนสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้โลกนี้ได้ผ่านการทำงานของตัวเอง ความรักและความหลงใหลในงานที่พ่อแม่ทำคือแรงกระเพื่อมที่ทำให้ลูกรู้ว่าเราสองคนให้ค่ากับเรื่องใด จุดยืนในชีวิตของเราอยู่ที่ไหนและเราทุ่มเทชีวิตทั้งหมดเพื่ออะไร
เราคงจะพาลูกมา Outing กับเราจนลูกบรรลุนิติภาวะเพื่อให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับคนสำคัญในชีวิตพ่อแม่ ลูกแต่ละคนมีเส้นทางชีวิตเป็นของตัวเอง คงไม่มีลูกคนไหนทำงานเหมือนเราสองคนในอนาคต
ในวันที่ลูกโตขึ้นเขาจะยังคงมีภาพความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับการทำงานและการอยู่ร่วมกับคนที่มีจุดยืนเดียวกัน ...คนที่ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกันแต่เราสามารถคิดไปในทิศทางเดียวกันเพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม
การงานของพ่อแม่ยังคงดำเนินต่อไปตลอดชีวิตโดยไม่มีวันเกษียณ ลูกทั้ง 3 คนคงได้เรียนรู้ว่า “การงานที่แท้จริงของชีวิต” คือการหาจุดกลมกล่อมที่ชีวิตครอบครัว ชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานมาบรรจบกัน ...และเมื่อนั้นโลกจะเบิกบานจากการงานของเรา
รัก
พี่ณี
17/6/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150
เป็นที่ถกเถียงกันว่าเราควรเล่าเรื่องการทำงานของเราให้ลูกฟังเมื่อไหร่ จำได้ว่าตอนลูกอยู่อนุบาล ครูให้เราสองคนมาทาสีห้องเรียน ขนย้ายของ ทำสนามเด็กเล่น ในช่วงปิดเทอมหรือวันเสาร์ - อาทิตย์ พ่อหรือแม่จะแตะมือกันมาทำว่าว ทำกระทง ในช่วงเทศกาลเสมอ
เราสองคนพ่อแม่เข้าเรียนหลักสูตร Parenting & Child เพื่อเรียนปักผ้า เย็บตุ๊กตาและใช้มือทำงานทุกอย่างให้ลูกเห็น วันที่ลูกโตขึ้น งานของพ่อแม่เปลี่ยนไปเป็นการทำงานบ้านร่วมกันกับลูก ทุกอาทิตย์ลูกเห็นพ่อไปตลาด แม่ทำกับข้าว เราทุกคนในบ้านช่วยกันกวาดบ้าน ถูบ้าน และขัดห้องน้ำตอนพี่เลี้ยงลากลับบ้าน
เราแทบไม่เคยเล่าให้ลูกฟังเลยว่าเราสองคนทำงานอะไรขำมากที่ตอนเล็กๆ ลูกคุยกัน 3 คนว่าโตขึ้นใครจะเรียนอะไร ด้วยความเป็นเด็ก โอมบอกว่าจะไปเรียนกฎหมายเหมือนพ่อจะได้มาขับรถส่งพี่ๆ ตอนโต อันนี้แม่ขำอยู่คนเดียวในขณะที่พ่อไม่เคยขำด้วยสักครั้ง
ทุกๆ ปีที่ออฟฟิศพ่อและแม่มีงาน Outing เราจะหอบหิ้วลูกไปด้วยทุกครั้ง ที่ใช้คำว่าหอบหิ้วเพราะลูกๆ ไป Outing กับบริษัทพ่อแม่ตั้งแต่ยังแบเบาะ ตอนนี้ลูกโตเป็นวัยรุ่นหมดแล้วเราก็ยังพาลูกไปเที่ยวกับเรา เพื่อให้พวกเขาได้เห็นการงานที่แท้จริงของพ่อแม่
แน่นอนว่าการไปเที่ยวไม่ได้บอกอะไรมากนักเกี่ยวกับหน้าที่และภารกิจของพ่อแม่ แต่บอกลูกทางอ้อมว่านี่คือการงานที่พ่อแม่ให้คุณค่า นี่คือผู้คนที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยตั้งแต่เช้าจรดเย็นเพื่อทำสิ่งดีๆ และสิ่งที่ยิ่งใหญ่ร่วมกัน
การที่ลูกได้กลับมาเห็นคุณลุง คุณป้า คุณน้าคุณอาและพี่ๆ ที่เคยเห็นพวกเขามาตั้งแต่อยู่ในท้อง เห็นบทบาทหน้าที่ของพ่อแม่ที่ปกติไม่เคยได้เห็นเมื่ออยู่บ้าน ทำให้ลูกเข้าใจบทบาทตัวเองมากขึ้นว่าตนเองก็มีภารกิจเช่นเดียวกับพ่อแม่ในวันพวกเขาเติบโตขึ้น
มุมมองต่อวิชาชีพช่วยทำให้ลูกเห็นว่าทุกคนสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้โลกนี้ได้ผ่านการทำงานของตัวเอง ความรักและความหลงใหลในงานที่พ่อแม่ทำคือแรงกระเพื่อมที่ทำให้ลูกรู้ว่าเราสองคนให้ค่ากับเรื่องใด จุดยืนในชีวิตของเราอยู่ที่ไหนและเราทุ่มเทชีวิตทั้งหมดเพื่ออะไร
เราคงจะพาลูกมา Outing กับเราจนลูกบรรลุนิติภาวะเพื่อให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับคนสำคัญในชีวิตพ่อแม่ ลูกแต่ละคนมีเส้นทางชีวิตเป็นของตัวเอง คงไม่มีลูกคนไหนทำงานเหมือนเราสองคนในอนาคต
ในวันที่ลูกโตขึ้นเขาจะยังคงมีภาพความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับการทำงานและการอยู่ร่วมกับคนที่มีจุดยืนเดียวกัน ...คนที่ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกันแต่เราสามารถคิดไปในทิศทางเดียวกันเพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม
การงานของพ่อแม่ยังคงดำเนินต่อไปตลอดชีวิตโดยไม่มีวันเกษียณ ลูกทั้ง 3 คนคงได้เรียนรู้ว่า “การงานที่แท้จริงของชีวิต” คือการหาจุดกลมกล่อมที่ชีวิตครอบครัว ชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานมาบรรจบกัน ...และเมื่อนั้นโลกจะเบิกบานจากการงานของเรา
รัก
พี่ณี
17/6/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150