Inner Journey
ครั้งหนึ่ง ณ กรุงโซล (ตอนที่ 3)
แม่เดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อสงบอารมณ์ตัวเอง เห็นพ่อลูกยืนรออยู่อีกฝั่งไกลๆ พี่พยายามมองไปรอบๆ สูดหายใจลึกๆ ช้าๆ เพื่อหาเหตุผลมาตอบตัวเองให้ได้ว่า “ทำไมเราต้องถูกทิ้งอยู่ข้างนอกคนเดียว”
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู ภายนอกพระราชวังมีผู้คนหนาตาขึ้นเรื่อยๆ มีคนถือธงชาติ ถือป้ายประท้วง มีเสียงเฮ เสียงปรบมือดังเป็นระยะเมื่อผู้ปราศรัยบนเวทีพูด อารมณ์ผสมบรรยากาศที่มีเสียงอึกทึกครึกโครมทำให้พี่พูดว่า “เดี๋ยวเราแยกกันตรงนี้ แม่จะกลับที่พัก”
พูดออกไปทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะกลับที่พักอย่างไร ถ้าอยู่เมืองไทยพี่คงกลับบ้านไปแล้วเพราะโมโหปนน้อยใจ คราวนี้พ่อลูกผลัดกันอธิบายให้ฟังว่าเขามีเรื่อง “หัวร้อน” ตั้งแต่พ่อจองเวลากับเจ้าหน้าที่แล้ว เพราะทุกอย่างผิดแผนไปหมด ถ้ารอเข้ารอบบ่ายสองโมงเราจะไปทุ่งหญ้าและหมู่บ้านอังกฤษที่ปัญญ์ตั้งใจมาตั้งแต่อยู่เมืองไทยไม่ทัน ทุกคนพยายามติดต่อแม่แต่ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าแม่หายไปไหน
ปัญญ์พูดขึ้นมาประโยคหนึ่งที่ทำให้แม่ได้คิด “วันนี้เป็นวันเกิดปัญญ์ เราทุกคนโมโหกันมาโมโหกันไปตั้งแต่เช้าแล้ว แม่อยู่กินข้าวกลางวันกับพวกเราก่อนเถอะนะ ถ้าแม่อยากกลับ เดี๋ยวค่อยไป” จริงสินะเมื่อเช้าเรายังอวยพรวันเกิดกันอยู่ดีๆ ตอนนี้แม่น็อตหลุดลืมวันพิเศษของลูกไปได้
คราวนี้คำอธิบายก็ตามมายาวเหยียด พ่อลูกช่วยกันอธิบายถึงช่วงเวลาที่พ่อต้องเดินนำหน้ามาก่อนเพราะพ่อเองก็หาทางมาไม่ถูก ทุกคนกำลังหลงทาง ช่วงที่ลูกเดินหายไปปล่อยให้แม่นั่งรอที่ศาลาเกือบชั่วโมง ไม่ใช่ไม่ตามแม่แต่ทุกคนหาแม่ไม่เจอ คิดว่าแม่จะไปรอข้างใน
ปรางอธิบายช่วงเข้าชมอาคารต่อว่า ปรางกำลังจะเดินออกมาสลับกับแม่แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้ออกมาแล้ว เพราะลูกทัวร์คณะใหญ่ยืนรอเรา 4 คนอยู่ เจ้าหน้าที่ด้านในรักษาระเบียบ ดุและเคร่งครัดมากทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้เท่านั้น
ฟังทุกคนพูดจบแม่เริ่มใจเย็นลง เข้าใจแล้วว่าพ่อเจอศึกหนักเพียงใดมาตลอดทางตั้งแต่ร้านไอศกรีมจนถึงพระราชวัง ไหนจะมาเจอแม่ป่วนอีกคน พ่อคงต้องอดทนกับพวกเรามาก พี่บอกลูกว่า “หลังกินข้าวกลางวันเสร็จแม่จะไปทุ่งหญ้ากับลูกด้วย แล้วแม่จะคิดอีกทีว่าจะกลับโรงแรมหรือจะไปกับพวกหนูต่อ”
เรารีบกินข้าวกลางวันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาที่ตั้งมาตั้งแต่ปี 1980 ความขุ่นมัวในใจแม่เริ่มจางไป ลูกถามอีกครั้งว่าแม่จะกลับโรงแรมไหม พ่อชิงบอกว่าไปด้วยกันต่อเถอะเพราะเรามาไกลมากแล้ว ให้แม่กลับเองก็กลับไม่ถูก พี่ตัดสินใจไปเที่ยวกับลูกต่อแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะเห็นถึงความเสียสละของทุกคนในการทำให้เราได้ไปด้วยกัน
หลังกินวาฟเฟิลแสนอร่อยที่มีคนรอคิวยาวเหยียดที่ตั้งข้างร้านก๋วยเตี๋ยวหมด เรานั่งรถไฟต่ออีก 1 ชั่วโมงเพื่อมาทุ่งหญ้า Haneul Park ซึ่งอยู่บนเขาสูง ทางขึ้นจากรถไฟใต้ดินเป็นบันไดเลื่อนสูงแบบมองหาทางขึ้นไม่เจอ พี่ไม่รู้มาก่อนว่าที่นี่คือสนามกีฬา Seoul Stadium ที่ยิ่งใหญ่มาก เราสาละวนถ่ายรูปกับต้นซากุระที่ออกดอกเต็มต้นและวิวสวยรอบสนามกีฬาอยู่นาน
พี่สมบูรณ์หันมาถามว่า “แม่นั่งรอแถวนี้ดีไหม เพราะต้องใช้เวลาอีก 20 นาทีกว่าจะเดินไปถึงตีนเขา ถ้าแม่เดินไม่ไหวนั่งรอดีกว่านะ เดี๋ยวพวกเรากลับมารับ” พี่ตอบกลับแบบไม่ต้องคิดเลยว่า “ไม่ค่ะพ่อ แม่จะไปกับเด็กๆ”
เราเดินหาทางขึ้นเขาอยู่สักระยะ บริเวณรอบเชิงเขาเต็มไปด้วยต้นซากุระที่ชูช่อสวยงามจนทุกคนต้องแวะถ่ายรูป เราเดินวนมาอีกด้านก็พบทางขึ้นเขาที่มีทั้งทางราบและบันไดสูง เด็กๆ วิ่งขึ้นบันไดส่วนแม่ค่อยๆ เดินขึ้นไปอย่างช้าๆเพราะฝนเพิ่งหยุดตกบันไดบางช่วงมีน้ำขัง เดินไปหยุดถ่ายรูปไปเพราะวิวรอบเขาสวยมาก
พี่สมบูรณ์ขึ้นไปสำรวจเส้นทางก่อนหน้าตะโกนลงมาว่า “พ่อยังไม่เห็นต้นหญ้าที่ลูกอยากเห็นเลย บอกแม่ให้รออยู่ด้านล่างดีกว่าไม่ต้องขึ้นมา เดี๋ยวพ่อกำลังจะลงไปแล้ว” พี่ได้ยินเสียงโอมตะโกนตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไรพ่อให้แม่ขึ้นมาข้างบนเถอะ แม่กำลังใช้ความพยายามอยู่” อืม! เป็นคำตอบที่ชอบจัง “แม่กำลังใช้ความพยายามอยู่”
ทุกครั้งที่เราไปเที่ยวด้วยกันทั้งในและต่างประเทศ เมื่อมีโอกาสพี่มักท้าทายความสามารถตัวเองอยู่เสมอโดยการเดินขึ้นเขาสูง เมื่อก่อนพี่เดินขึ้นภูเขาสูงไม่ได้เพราะความดันโลหิตต่ำและเลือดจางมากหลัง คลอดโอม ตลกดีที่ตอนเด็กๆ พ่อต้องให้ลูกวิ่งกลับมาจูงแม่เพราะเห็นแม่เดินไม่ไหว เดินไปหอบไป ขำตัวเองที่ดูแก่กว่าอายุพิกล
ตอนนี้พี่กลับมาดูแลตัวเองมากขึ้น ความดันโลหิตกลับมาอยู่ในระดับปกติ เลือดไม่จางแล้ว พยายามเตรียมตัวเองให้พร้อมเพื่อท่องโลกกว้างกับลูกๆ บทเรียนครั้งนี้สอนให้พี่รู้ว่ายิ่งลูกโตยิ่งต้องเปิดใจคุยกัน ทุกเรื่องดูอ่อนไหว เปราะบาง แม่เองต้องหนักแน่น อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นเพราะอาจเป็นเพียงความรู้สึกที่คิดไปเองคนเดียว
วันเกิดปัญญ์ปีนี้ทำให้แม่ตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ครอบครัว” สถาบันที่เป็นองค์รวมของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง เราต่างเติมเต็มส่วนที่ขาดหายของกันและกันเพื่อดำรงไว้ซึ่งแก่นที่แท้จริงของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข...ความรักที่อดทน เฝ้ารอและเปิดโอกาสให้ทุกคนเติบโตตามวิถีของตนเอง
รัก
พี่ณี
14/4/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู ภายนอกพระราชวังมีผู้คนหนาตาขึ้นเรื่อยๆ มีคนถือธงชาติ ถือป้ายประท้วง มีเสียงเฮ เสียงปรบมือดังเป็นระยะเมื่อผู้ปราศรัยบนเวทีพูด อารมณ์ผสมบรรยากาศที่มีเสียงอึกทึกครึกโครมทำให้พี่พูดว่า “เดี๋ยวเราแยกกันตรงนี้ แม่จะกลับที่พัก”
พูดออกไปทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะกลับที่พักอย่างไร ถ้าอยู่เมืองไทยพี่คงกลับบ้านไปแล้วเพราะโมโหปนน้อยใจ คราวนี้พ่อลูกผลัดกันอธิบายให้ฟังว่าเขามีเรื่อง “หัวร้อน” ตั้งแต่พ่อจองเวลากับเจ้าหน้าที่แล้ว เพราะทุกอย่างผิดแผนไปหมด ถ้ารอเข้ารอบบ่ายสองโมงเราจะไปทุ่งหญ้าและหมู่บ้านอังกฤษที่ปัญญ์ตั้งใจมาตั้งแต่อยู่เมืองไทยไม่ทัน ทุกคนพยายามติดต่อแม่แต่ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าแม่หายไปไหน
ปัญญ์พูดขึ้นมาประโยคหนึ่งที่ทำให้แม่ได้คิด “วันนี้เป็นวันเกิดปัญญ์ เราทุกคนโมโหกันมาโมโหกันไปตั้งแต่เช้าแล้ว แม่อยู่กินข้าวกลางวันกับพวกเราก่อนเถอะนะ ถ้าแม่อยากกลับ เดี๋ยวค่อยไป” จริงสินะเมื่อเช้าเรายังอวยพรวันเกิดกันอยู่ดีๆ ตอนนี้แม่น็อตหลุดลืมวันพิเศษของลูกไปได้
คราวนี้คำอธิบายก็ตามมายาวเหยียด พ่อลูกช่วยกันอธิบายถึงช่วงเวลาที่พ่อต้องเดินนำหน้ามาก่อนเพราะพ่อเองก็หาทางมาไม่ถูก ทุกคนกำลังหลงทาง ช่วงที่ลูกเดินหายไปปล่อยให้แม่นั่งรอที่ศาลาเกือบชั่วโมง ไม่ใช่ไม่ตามแม่แต่ทุกคนหาแม่ไม่เจอ คิดว่าแม่จะไปรอข้างใน
ปรางอธิบายช่วงเข้าชมอาคารต่อว่า ปรางกำลังจะเดินออกมาสลับกับแม่แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้ออกมาแล้ว เพราะลูกทัวร์คณะใหญ่ยืนรอเรา 4 คนอยู่ เจ้าหน้าที่ด้านในรักษาระเบียบ ดุและเคร่งครัดมากทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้เท่านั้น
ฟังทุกคนพูดจบแม่เริ่มใจเย็นลง เข้าใจแล้วว่าพ่อเจอศึกหนักเพียงใดมาตลอดทางตั้งแต่ร้านไอศกรีมจนถึงพระราชวัง ไหนจะมาเจอแม่ป่วนอีกคน พ่อคงต้องอดทนกับพวกเรามาก พี่บอกลูกว่า “หลังกินข้าวกลางวันเสร็จแม่จะไปทุ่งหญ้ากับลูกด้วย แล้วแม่จะคิดอีกทีว่าจะกลับโรงแรมหรือจะไปกับพวกหนูต่อ”
เรารีบกินข้าวกลางวันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาที่ตั้งมาตั้งแต่ปี 1980 ความขุ่นมัวในใจแม่เริ่มจางไป ลูกถามอีกครั้งว่าแม่จะกลับโรงแรมไหม พ่อชิงบอกว่าไปด้วยกันต่อเถอะเพราะเรามาไกลมากแล้ว ให้แม่กลับเองก็กลับไม่ถูก พี่ตัดสินใจไปเที่ยวกับลูกต่อแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะเห็นถึงความเสียสละของทุกคนในการทำให้เราได้ไปด้วยกัน
หลังกินวาฟเฟิลแสนอร่อยที่มีคนรอคิวยาวเหยียดที่ตั้งข้างร้านก๋วยเตี๋ยวหมด เรานั่งรถไฟต่ออีก 1 ชั่วโมงเพื่อมาทุ่งหญ้า Haneul Park ซึ่งอยู่บนเขาสูง ทางขึ้นจากรถไฟใต้ดินเป็นบันไดเลื่อนสูงแบบมองหาทางขึ้นไม่เจอ พี่ไม่รู้มาก่อนว่าที่นี่คือสนามกีฬา Seoul Stadium ที่ยิ่งใหญ่มาก เราสาละวนถ่ายรูปกับต้นซากุระที่ออกดอกเต็มต้นและวิวสวยรอบสนามกีฬาอยู่นาน
พี่สมบูรณ์หันมาถามว่า “แม่นั่งรอแถวนี้ดีไหม เพราะต้องใช้เวลาอีก 20 นาทีกว่าจะเดินไปถึงตีนเขา ถ้าแม่เดินไม่ไหวนั่งรอดีกว่านะ เดี๋ยวพวกเรากลับมารับ” พี่ตอบกลับแบบไม่ต้องคิดเลยว่า “ไม่ค่ะพ่อ แม่จะไปกับเด็กๆ”
เราเดินหาทางขึ้นเขาอยู่สักระยะ บริเวณรอบเชิงเขาเต็มไปด้วยต้นซากุระที่ชูช่อสวยงามจนทุกคนต้องแวะถ่ายรูป เราเดินวนมาอีกด้านก็พบทางขึ้นเขาที่มีทั้งทางราบและบันไดสูง เด็กๆ วิ่งขึ้นบันไดส่วนแม่ค่อยๆ เดินขึ้นไปอย่างช้าๆเพราะฝนเพิ่งหยุดตกบันไดบางช่วงมีน้ำขัง เดินไปหยุดถ่ายรูปไปเพราะวิวรอบเขาสวยมาก
พี่สมบูรณ์ขึ้นไปสำรวจเส้นทางก่อนหน้าตะโกนลงมาว่า “พ่อยังไม่เห็นต้นหญ้าที่ลูกอยากเห็นเลย บอกแม่ให้รออยู่ด้านล่างดีกว่าไม่ต้องขึ้นมา เดี๋ยวพ่อกำลังจะลงไปแล้ว” พี่ได้ยินเสียงโอมตะโกนตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไรพ่อให้แม่ขึ้นมาข้างบนเถอะ แม่กำลังใช้ความพยายามอยู่” อืม! เป็นคำตอบที่ชอบจัง “แม่กำลังใช้ความพยายามอยู่”
ทุกครั้งที่เราไปเที่ยวด้วยกันทั้งในและต่างประเทศ เมื่อมีโอกาสพี่มักท้าทายความสามารถตัวเองอยู่เสมอโดยการเดินขึ้นเขาสูง เมื่อก่อนพี่เดินขึ้นภูเขาสูงไม่ได้เพราะความดันโลหิตต่ำและเลือดจางมากหลัง คลอดโอม ตลกดีที่ตอนเด็กๆ พ่อต้องให้ลูกวิ่งกลับมาจูงแม่เพราะเห็นแม่เดินไม่ไหว เดินไปหอบไป ขำตัวเองที่ดูแก่กว่าอายุพิกล
ตอนนี้พี่กลับมาดูแลตัวเองมากขึ้น ความดันโลหิตกลับมาอยู่ในระดับปกติ เลือดไม่จางแล้ว พยายามเตรียมตัวเองให้พร้อมเพื่อท่องโลกกว้างกับลูกๆ บทเรียนครั้งนี้สอนให้พี่รู้ว่ายิ่งลูกโตยิ่งต้องเปิดใจคุยกัน ทุกเรื่องดูอ่อนไหว เปราะบาง แม่เองต้องหนักแน่น อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นเพราะอาจเป็นเพียงความรู้สึกที่คิดไปเองคนเดียว
วันเกิดปัญญ์ปีนี้ทำให้แม่ตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ครอบครัว” สถาบันที่เป็นองค์รวมของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง เราต่างเติมเต็มส่วนที่ขาดหายของกันและกันเพื่อดำรงไว้ซึ่งแก่นที่แท้จริงของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข...ความรักที่อดทน เฝ้ารอและเปิดโอกาสให้ทุกคนเติบโตตามวิถีของตนเอง
รัก
พี่ณี
14/4/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150