Inner Journey
ปีนี้ที่...เชียงใหม่ (ตอนที่ 2)
เราเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยอาหารเหนือจากร้านเฮือนเพ็ญที่แม่ซื้อมาตุนไว้เมื่อเย็นวาน ทั้งๆ ที่ตกลงกันว่าจะไปกินข้าวเช้าข้างนอก พี่บอกลูกๆ ว่าแม่อุ่นอาหารไว้แล้วกินให้เรียบร้อยแล้วค่อยออกไปเที่ยว
มีเรื่องให้แม่ลุ้นแต่เช้า เพราะซึ้งนึ่งข้าวเหนียวที่แม่ประยุกต์เองดูไม่เป็นใจเลย อุ่นไปครึ่งชั่วโมงไม่ยอมร้อน ตอนอุ่นไส้อั่วก็ลืมเสียบปลั๊กไฟเตาอบ จนทุกคนเริ่มบ่นหิว คราวนี้เข้าทางแม่เพราะทุกคนได้กินกล้วยหอมออร์แกนิคที่หอบมาจากกรุงเทพรองท้องระหว่างรอแม่
เราปักหมุดไว้ 4 ที่คือร้านท่าข้างฮิลล์ ออบหลวง สวนสนบ่อแก้ว และปิดท้ายกันที่ร้าน Daddy’s Antique ระหว่างทางพี่สมบูรณ์ขอแวะวัดต้นเกว๋นซึ่งเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมล้านนาโบราณเก่าแก่และงดงามมาก มีต้นเกว๋นหรือต้นตะขบป่าที่เหลืออยู่เพียงต้นเดียวให้พวกเราได้ชม
ออกจากวัดต้นเกว๋นได้ไม่นาน พี่สมบูรณ์เหลือบไปเห็นป้ายบอกทางว่ามีโลหะปราสาทที่ประดิษฐานของพระธาตุเก่าแก่อายุ 900 ปี แม่สนับสนุนเต็มที่เรื่องแวะไปสถานที่ที่ไม่อยู่ในแผน แต่คราวนี้แม่ต้องลุ้นสุดฤทธิ์เพราะเส้นทางค่อนข้างอันตราย
สมัยลูกเล็กเราเลือกแบบเสี่ยงน้อยๆ เช่นขับรถขึ้นดอยสุเทพที่มีโค้งให้พอลุ้น เราเปิดหน้าต่างให้ลมเย็นๆ พร้อมกลิ่นหอมของป่าโชยเข้ามาในรถได้โดยลูกไม่กระดอนหลุดไปนอกรถ บางครั้งพี่สมบูรณ์ก็ขับรถผ่านสายหมอกให้ลูกตื่นเต้นเล่น
แต่ครั้งนี้แม่คาดการณ์ผิด ถนนขึ้นโลหะปราสาทชันมากมีโค้งหักศอกหลายครั้ง เป็นถนนตัดใหม่ที่ยังไม่มีป้ายบอกทาง เห็นโลหะปราสาทอยู่ลิบๆ เราขับอยู่บนถนนที่ขนาดพอดีรถ นึกภาวนาว่าอย่าให้มีรถสวนเพราะต่างฝ่ายต่างมองไม่เห็นกัน แม่เริ่มแอบลุ้นในใจภาวนาขอให้อย่าหลงเพราะกลับรถไม่ได้ ต้องลุยเดินหน้าอย่างเดียว แม้ขาลงดูง่ายกว่าขาขึ้นเยอะ พี่สมบูรณ์ต้องคอยบีบแตรให้ทางตลอดจนถึงตีนเขา
เราขับรถต่อไปอีกไกลเพื่อไปเยือนร้านท่าข้างฮิลล์ร้านสวยที่ปัญญ์ search มา ร้านอยู่นอกเส้นทางไปไกลโข ระหว่างทางมีดอกไม้สีเหลืองสดตลอดสองข้างทาง สีเหลืองสวยทำให้เราย้อนรถกลับไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก กลับมาค้นชื่อจึงรู้ว่านี่คือดอกสุพรรณิการ์
ชาวบ้านแถวนั้นบอกกับพี่สมบูรณ์ว่า ดอกไม้ชนิดนี้เปราะบางมาก บานได้แค่วันเดียวก็ร่วง ฟังพี่สมบูรณ์เล่าจบแล้วรู้สึกหลงรักดอกไม้ที่แสนบอบบางนี้จับใจ นั่งลุ้นตลอดทางว่าจะเจอดอกสีเหลืองเต็มต้นแบบนี้อีกไหม ต้องบอกว่านี่เป็นต้นเดียวตลอดสองข้างทางที่ออกดอกเยอะขนาดนี้
จุดหมายสำคัญที่ทำให้เราขับรถมาไกลถึง 200 กว่า กม. คือสวนสนบ่อแก้ว ป่าสนสองใบที่แสนอุดมสมบูรณ์ บรรยากาศงดงามเหมือนตอนเราไปเดินป่าที่นิวซีแลนด์ อากาศเย็น ท้องฟ้าสวย เราใช้เวลาอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่นานมาก พ่อเดินเก็บลูกสนหลายขนาดที่ตกอยู่แถวนั้น ลูกๆ นั่งถ่ายรูป ส่วนแม่นั่งอ่านหนังสือ
หลังอ้อยอิ่งอยู่ในป่าสนจนได้เวลาอันควร เราย้อนกลับไปที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง ที่เป็นช่องแคบที่มีหน้าผาหิน ขนาบลำน้าทำให้เกิดหุบผาลึก มีสะพานไม้เชื่อมช่องเขาขาดที่รับน้ำหนักได้เพียง 500 กก. เชื่อมไว้ เมื่อข้ามสะพานไม้ไปจะแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์
พี่เห็นพี่สมบูรณ์เดินข้ามสะพานอยู่ลิบๆ ในใจนึกว่าเด็กๆ คงเดินล่วงหน้าไปรอแม่อีกฟากสะพาน เมื่อพี่เดินไปสมทบพี่สมบูรณ์บอกว่าลูกๆ ไม่ได้อยู่แถวนี้เพราะทางเข้าถ้ำปิดปรับปรุง คิดว่าปรางกลัวเลยไม่กล้าเดินขึ้นมา
ก่อนกลับที่พักเราแวะกินอาหารเย็นที่ Daddy’s Antique สถานที่สวยงาม อาหารอร่อยสมกับคำร่ำลือ ตอน 1 ทุ่มร้านเริ่มหรี่ไฟจุดเทียนตามโต๊ะ ดูโรแมนติกไปอีกแบบจนแม่ขอนั่งฟังเพลงก่อนกลับ 1 เพลงเพราะตอนลูกเล็กเราไม่ค่อยได้นั่งฟังเพลงกันเพราะลูกทนเสียงลำโพงไม่ไหว
ต้องขอบคุณปัญญ์และพี่สมบูรณ์ที่นำ “ทฤษฎีวันที่สอง” มาใช้มาใช้โดยไม่รู้ตัว เพราะเป็นวันของขั้วตรงข้ามที่เราได้พบกับประสบการณ์ที่ฝรั่งเรียกว่า “Point of no return” ที่เราต้องลุยไปข้างหน้าอย่างเดียวโดยไม่มีทางให้หันหลังกลับ
พี่เชื่อว่ายังมี unseen เชียงใหม่อยู่หลายที่ที่ครอบครัวเราไม่เคยได้ไปเยือน แต่การมาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งนี้เปรียบเสมือนการเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบบางอย่างให้กับชีวิต ทำให้พวกเราทุกคนได้เรียนรู้ว่า “ความสุขระหว่างทางสำคัญพอๆ กับจุดหมายปลายทาง”
รัก
พี่ณี
9/3/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150
มีเรื่องให้แม่ลุ้นแต่เช้า เพราะซึ้งนึ่งข้าวเหนียวที่แม่ประยุกต์เองดูไม่เป็นใจเลย อุ่นไปครึ่งชั่วโมงไม่ยอมร้อน ตอนอุ่นไส้อั่วก็ลืมเสียบปลั๊กไฟเตาอบ จนทุกคนเริ่มบ่นหิว คราวนี้เข้าทางแม่เพราะทุกคนได้กินกล้วยหอมออร์แกนิคที่หอบมาจากกรุงเทพรองท้องระหว่างรอแม่
เราปักหมุดไว้ 4 ที่คือร้านท่าข้างฮิลล์ ออบหลวง สวนสนบ่อแก้ว และปิดท้ายกันที่ร้าน Daddy’s Antique ระหว่างทางพี่สมบูรณ์ขอแวะวัดต้นเกว๋นซึ่งเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมล้านนาโบราณเก่าแก่และงดงามมาก มีต้นเกว๋นหรือต้นตะขบป่าที่เหลืออยู่เพียงต้นเดียวให้พวกเราได้ชม
ออกจากวัดต้นเกว๋นได้ไม่นาน พี่สมบูรณ์เหลือบไปเห็นป้ายบอกทางว่ามีโลหะปราสาทที่ประดิษฐานของพระธาตุเก่าแก่อายุ 900 ปี แม่สนับสนุนเต็มที่เรื่องแวะไปสถานที่ที่ไม่อยู่ในแผน แต่คราวนี้แม่ต้องลุ้นสุดฤทธิ์เพราะเส้นทางค่อนข้างอันตราย
สมัยลูกเล็กเราเลือกแบบเสี่ยงน้อยๆ เช่นขับรถขึ้นดอยสุเทพที่มีโค้งให้พอลุ้น เราเปิดหน้าต่างให้ลมเย็นๆ พร้อมกลิ่นหอมของป่าโชยเข้ามาในรถได้โดยลูกไม่กระดอนหลุดไปนอกรถ บางครั้งพี่สมบูรณ์ก็ขับรถผ่านสายหมอกให้ลูกตื่นเต้นเล่น
แต่ครั้งนี้แม่คาดการณ์ผิด ถนนขึ้นโลหะปราสาทชันมากมีโค้งหักศอกหลายครั้ง เป็นถนนตัดใหม่ที่ยังไม่มีป้ายบอกทาง เห็นโลหะปราสาทอยู่ลิบๆ เราขับอยู่บนถนนที่ขนาดพอดีรถ นึกภาวนาว่าอย่าให้มีรถสวนเพราะต่างฝ่ายต่างมองไม่เห็นกัน แม่เริ่มแอบลุ้นในใจภาวนาขอให้อย่าหลงเพราะกลับรถไม่ได้ ต้องลุยเดินหน้าอย่างเดียว แม้ขาลงดูง่ายกว่าขาขึ้นเยอะ พี่สมบูรณ์ต้องคอยบีบแตรให้ทางตลอดจนถึงตีนเขา
เราขับรถต่อไปอีกไกลเพื่อไปเยือนร้านท่าข้างฮิลล์ร้านสวยที่ปัญญ์ search มา ร้านอยู่นอกเส้นทางไปไกลโข ระหว่างทางมีดอกไม้สีเหลืองสดตลอดสองข้างทาง สีเหลืองสวยทำให้เราย้อนรถกลับไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก กลับมาค้นชื่อจึงรู้ว่านี่คือดอกสุพรรณิการ์
ชาวบ้านแถวนั้นบอกกับพี่สมบูรณ์ว่า ดอกไม้ชนิดนี้เปราะบางมาก บานได้แค่วันเดียวก็ร่วง ฟังพี่สมบูรณ์เล่าจบแล้วรู้สึกหลงรักดอกไม้ที่แสนบอบบางนี้จับใจ นั่งลุ้นตลอดทางว่าจะเจอดอกสีเหลืองเต็มต้นแบบนี้อีกไหม ต้องบอกว่านี่เป็นต้นเดียวตลอดสองข้างทางที่ออกดอกเยอะขนาดนี้
จุดหมายสำคัญที่ทำให้เราขับรถมาไกลถึง 200 กว่า กม. คือสวนสนบ่อแก้ว ป่าสนสองใบที่แสนอุดมสมบูรณ์ บรรยากาศงดงามเหมือนตอนเราไปเดินป่าที่นิวซีแลนด์ อากาศเย็น ท้องฟ้าสวย เราใช้เวลาอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่นานมาก พ่อเดินเก็บลูกสนหลายขนาดที่ตกอยู่แถวนั้น ลูกๆ นั่งถ่ายรูป ส่วนแม่นั่งอ่านหนังสือ
หลังอ้อยอิ่งอยู่ในป่าสนจนได้เวลาอันควร เราย้อนกลับไปที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง ที่เป็นช่องแคบที่มีหน้าผาหิน ขนาบลำน้าทำให้เกิดหุบผาลึก มีสะพานไม้เชื่อมช่องเขาขาดที่รับน้ำหนักได้เพียง 500 กก. เชื่อมไว้ เมื่อข้ามสะพานไม้ไปจะแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์
พี่เห็นพี่สมบูรณ์เดินข้ามสะพานอยู่ลิบๆ ในใจนึกว่าเด็กๆ คงเดินล่วงหน้าไปรอแม่อีกฟากสะพาน เมื่อพี่เดินไปสมทบพี่สมบูรณ์บอกว่าลูกๆ ไม่ได้อยู่แถวนี้เพราะทางเข้าถ้ำปิดปรับปรุง คิดว่าปรางกลัวเลยไม่กล้าเดินขึ้นมา
ก่อนกลับที่พักเราแวะกินอาหารเย็นที่ Daddy’s Antique สถานที่สวยงาม อาหารอร่อยสมกับคำร่ำลือ ตอน 1 ทุ่มร้านเริ่มหรี่ไฟจุดเทียนตามโต๊ะ ดูโรแมนติกไปอีกแบบจนแม่ขอนั่งฟังเพลงก่อนกลับ 1 เพลงเพราะตอนลูกเล็กเราไม่ค่อยได้นั่งฟังเพลงกันเพราะลูกทนเสียงลำโพงไม่ไหว
ต้องขอบคุณปัญญ์และพี่สมบูรณ์ที่นำ “ทฤษฎีวันที่สอง” มาใช้มาใช้โดยไม่รู้ตัว เพราะเป็นวันของขั้วตรงข้ามที่เราได้พบกับประสบการณ์ที่ฝรั่งเรียกว่า “Point of no return” ที่เราต้องลุยไปข้างหน้าอย่างเดียวโดยไม่มีทางให้หันหลังกลับ
พี่เชื่อว่ายังมี unseen เชียงใหม่อยู่หลายที่ที่ครอบครัวเราไม่เคยได้ไปเยือน แต่การมาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งนี้เปรียบเสมือนการเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบบางอย่างให้กับชีวิต ทำให้พวกเราทุกคนได้เรียนรู้ว่า “ความสุขระหว่างทางสำคัญพอๆ กับจุดหมายปลายทาง”
รัก
พี่ณี
9/3/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150