Inner Journey
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นดีเสมอ (ตอนแรก)
พี่ใช้เวลาใคร่ครวญอยู่นานกว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอด 4 เดือนที่ผ่านมาเพื่อบันทึกการเดินทางด้านในของตัวเองและเพื่อขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็นสองตอน
ย้อนไปเมื่อต้นปีที่แล้ว ตอนได้ข่าวล่าสุดจากเจ้าของอาคารว่าต้องการขายบ้านให้เราในราคาลดลงจากที่เคยตั้งไว้ 20% ที่จริงเรารับรู้เรื่องราคาขายมาหลายปีแต่ไม่เคยคิดอย่างจริงจังเท่าครั้งนี้ อาจเป็นเพราะราคาที่เราทุกคนเห็นพร้องต้องกันว่าสูงเกินไป
ทีมงานทุกคนในองค์กรเรียกที่นี่ว่า “บ้าน” และดูแลอาคารหลังนี้เหมือนบ้านของเรา พี่หลงรักอาคารหลังนี้ตั้งแต่แรกเห็น ชอบทั้งบรรยากาศ กระจกกลมๆ ต้นหูกระจก 2 ต้นที่วันนี้โตสูงเลยตึก 4 ชั้น ความผูกพันและเรื่องราวการเดินทางของชีวิตพวกเราทั้งหมดเกิดขึ้นที่นี่ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา
ย้อนไปเมื่อต้นปีที่แล้ว ตอนได้ข่าวล่าสุดจากเจ้าของอาคารว่าต้องการขายบ้านให้เราในราคาลดลงจากที่เคยตั้งไว้ 20% ที่จริงเรารับรู้เรื่องราคาขายมาหลายปีแต่ไม่เคยคิดอย่างจริงจังเท่าครั้งนี้ อาจเป็นเพราะราคาที่เราทุกคนเห็นพร้องต้องกันว่าสูงเกินไป
ทีมงานทุกคนในองค์กรเรียกที่นี่ว่า “บ้าน” และดูแลอาคารหลังนี้เหมือนบ้านของเรา พี่หลงรักอาคารหลังนี้ตั้งแต่แรกเห็น ชอบทั้งบรรยากาศ กระจกกลมๆ ต้นหูกระจก 2 ต้นที่วันนี้โตสูงเลยตึก 4 ชั้น ความผูกพันและเรื่องราวการเดินทางของชีวิตพวกเราทั้งหมดเกิดขึ้นที่นี่ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา
ตัวเลขใหม่ที่นำเสนอทำให้พี่ต้องกลับมานั่งคิดกันอย่างจริงจังว่าอาคารหลังนี้สำคัญกับชีวิตพี่อย่างไร ทำไมพี่จึงอยากเป็นเจ้าของ พี่มีโอกาสคุยกับกัลยาณมิตรหลายคนทั้งในแง่ของศักยภาพทางโลกกายภาพในมุมด้านเศรษฐกิจ ทำเลที่ตั้ง การเดินทางและศักยภาพทางโลกทางจิตวิญญาณที่เปิดพื้นที่ให้ผู้คนได้ค้นพบคุณค่าและความหมายของชีวิตตัวเอง
พี่โชคดีที่ได้นั่งคุยกับครู Karl-Heinz ในช่วงครูมาเมืองไทยเรื่องเสียงเพรียกจากด้านในตอนอายุ 55 ปี หรือช่วงที่เรียกว่า Moon Node ที่ 3 ในเชิงกายภาพพี่ควรเตรียมตัวเกษียณ แต่พี่รู้ว่ายังมีพันธกิจหลายเรื่องที่ต้องทำให้ลุล่วง พี่อยากสร้างที่นี่ให้เป็น “บ้านทางจิตวิญญาณ” ของพวกเราทีมงานและทุกคนที่มาเยือน รู้สึกว่าถึงเวลาที่พี่ควรทำอะไรบางอย่างเพื่อฝากรอยเท้าไว้บนผืนโลก
เมื่อพี่เริ่มชัดเจนกับสิ่งที่ตัวเองต้องการทำ พี่เริ่มประกาศเรื่องการซื้ออาคารให้พ่อแม่พี่ ลูก 3 คนผู้ใหญ่ที่พี่ให้ความเคารพ คุณครูและเพื่อนในชุมชนด้านมนุษยปรัชญา รวมถึงน้องๆ ทีมงานที่ออฟฟิศทุกคนรู้ คำแนะนำและความเห็นมาจากหลายทิศทางทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
เมื่อพี่เริ่มชัดเจนกับสิ่งที่ตัวเองต้องการทำ พี่เริ่มประกาศเรื่องการซื้ออาคารให้พ่อแม่พี่ ลูก 3 คนผู้ใหญ่ที่พี่ให้ความเคารพ คุณครูและเพื่อนในชุมชนด้านมนุษยปรัชญา รวมถึงน้องๆ ทีมงานที่ออฟฟิศทุกคนรู้ คำแนะนำและความเห็นมาจากหลายทิศทางทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
พี่รวมรวมข้อมูลและความกล้าหาญคุยกับพี่สมบูรณ์ว่าอยากขอ “ลองดู” สักครั้ง แม้พี่สมบูรณ์และลูกทั้ง 3 คนจะคัดค้านหัวชนฝา ตอนนั้นพี่รู้สึกอย่างเดียวว่าถ้าเราไม่ลองเราจะไม่มีวันรู้ มันดูเป็นความบ้าบิ่นในสายตาของทุกคนแต่ในใจพี่รู้สึกลึกๆ ว่ามีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่รอพี่อยู่ข้างหน้า
“ลองดู” จึงเป็นปฐมบทของเรื่องราวทุกเรื่อง ทั้งการหาทีมสนับสนุนด้านการเงิน การเจรจากับเจ้าของตึก การสื่อสารความคืบหน้าของโครงการกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย การบริหารจัดการเวลาทั้งชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัวและชีวิตการทำงาน ผลกระทบโดยตรงคือตารางเรียน พี่ไม่ได้ส่งการบ้านจนมหาวิทยาลัยส่งอีเมล์มาตาม เนื่องจากความรู้ด้านการเงินพี่เป็นศูนย์ พี่จำต้องหาที่ปรึกษาที่ให้คำแนะนำทุกเรื่องกับพี่ได้ พี่ยกหูหาพี่อุ๋ย ศิริพรรณ กัลยาณมิตรด้านบริหารองค์กรผู้เข้าใจที่มาที่ไปของบ้านหลังนี้อย่างลึกซึ้ง สามีพี่อุ๋ยคือพี่ขาว ผู้บริหารของ K-Bank หลังพี่เล่าวัตถุประสงค์ว่าพี่อยากทำอะไรให้พี่ขาวฟัง ความช่วยเหลือก็หลั่งไหลเข้ามาภายใน 1 ชั่วโมงหลังวางสาย |
ทีมบริหารเข้ามาพบพี่ที่ออฟฟิศใน 2 วันถัดมาพร้อมคำแนะนำที่ทำให้เห็นความเป็นไปได้ของโครงการ พี่ขาวลงมา Support ทุกเรื่องด้วยตัวเอง เราแต่งตั้งทีมติดตามผลและดูแลด้านเอกสารทั้งหมด น้อยเลขาพี่รับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานโครงการระหว่างพี่ติดสอนหรือติดภารกิจอื่น
พี่อาจหาญทำหน้าที่เจรจากับน้องเลขาตัวแทนเจ้าของตึก และผู้ช่วยคนสนิท เราคุยกันหลายครั้งตลอด 4 เดือนที่ผ่านมาแต่เริ่มคุยถี่ขึ้นหลังต้องเจรจาในรอบลึกขึ้นเรื่อยๆ เป็นช่วงเวลาที่เคร่งเครียด กดดัน เหมือนตัวเองเข้าสู่ทางตัน ต้องสูดหายใจลึกๆ ช้าๆ อยู่หลายหนเพื่อเรียกสติตัวเองคืนมา
พี่อาจหาญทำหน้าที่เจรจากับน้องเลขาตัวแทนเจ้าของตึก และผู้ช่วยคนสนิท เราคุยกันหลายครั้งตลอด 4 เดือนที่ผ่านมาแต่เริ่มคุยถี่ขึ้นหลังต้องเจรจาในรอบลึกขึ้นเรื่อยๆ เป็นช่วงเวลาที่เคร่งเครียด กดดัน เหมือนตัวเองเข้าสู่ทางตัน ต้องสูดหายใจลึกๆ ช้าๆ อยู่หลายหนเพื่อเรียกสติตัวเองคืนมา
ระหว่างเจรจามีตัวแปรหลายเรื่องที่พี่ต้องบริหาร มีเรื่องเล็กยันเรื่องใหญ่ผุดขึ้นรายวัน พี่พยายามเสนอทางออกหลายทางเพื่อให้การซื้อขายผ่านไปด้วยดี ดูราวกลับว่าสิ่งที่เสนอไปเป็นเรื่องประหลาด คำถามหนึ่งที่พี่ถามกลับไปคือ “อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณหวั่นไหวและไม่เชื่อใจว่าพี่จะทำในสิ่งที่รับปาก” คำตอบคือ “เราถูกหลอกมาเยอะ เราเชื่อสิ่งที่เห็นและจับต้องได้เท่านั้น อยากบอกพี่ว่าสมัยนี้..สัจจะไม่มีจริง ธุรกิจก็คือธุรกิจค่ะ”
ฟังสิ่งที่เธอตอบแล้วยิ่งทำให้พี่อยากหาคำตอบว่า “สัจจะกับธุรกิจไปด้วยกันไม่ได้จริงหรือ” แล้วคำตอบบางอย่างก็ปรากฏขึ้น เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเราได้รับข่าวดีจากแบงค์ว่าโครงการที่พี่เสนอได้รับการอนุมัติแล้ว เหมือนยกภูเขาออกจากอกเพราะตลอด 4 เดือนที่ผ่านมามีทั้งความเคร่งเครียด เปลี่ยนแปลงและพลิกผันตลอดเวลา สำหรับพี่การได้รับไฟเขียวจากแบงค์เป็นสิ่งยืนยันที่หนักแน่นว่า “สัจจะยังคงดำรงอยู่เสมอ”
ฟังสิ่งที่เธอตอบแล้วยิ่งทำให้พี่อยากหาคำตอบว่า “สัจจะกับธุรกิจไปด้วยกันไม่ได้จริงหรือ” แล้วคำตอบบางอย่างก็ปรากฏขึ้น เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเราได้รับข่าวดีจากแบงค์ว่าโครงการที่พี่เสนอได้รับการอนุมัติแล้ว เหมือนยกภูเขาออกจากอกเพราะตลอด 4 เดือนที่ผ่านมามีทั้งความเคร่งเครียด เปลี่ยนแปลงและพลิกผันตลอดเวลา สำหรับพี่การได้รับไฟเขียวจากแบงค์เป็นสิ่งยืนยันที่หนักแน่นว่า “สัจจะยังคงดำรงอยู่เสมอ”
ข่าวดีถูกประกาศ ทีมงานที่เกี่ยวข้องดีใจกันมากเพราะเราต่างทำงานกันอย่างหนักเพื่อวันนี้ พี่รีบโทร. แจ้งน้องเลขาเจ้าของตึกว่า “ทุกอย่างพร้อมแล้ว เราจะนัดหมายเพื่อโอนตึกกันได้วันไหนคะ” คำตอบที่ได้รับคือเดี๋ยวขออนุญาตต่อกลับ รอผู้บริหารประชุมก่อน
สิ่งเดียวที่นึกได้ตอนนั้นคือขอพรอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พี่รู้ว่าพี่ไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้เพียงลำพัง พี่ขอให้เพื่อนที่นั่งสมาธิกลุ่มสหจะโยคะช่วยอวยพรให้การซื้อขายผ่านพ้นไปด้วยดี เพื่อนๆ ช่วยกันขอพรจากคุณแม่ศรีมาตาจีและมีสหจะโยคีอาวุโสท่านหนึ่งไลน์ส่วนตัวมาบอกพี่ว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้เชื่อใจและปล่อยวางให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ดูแล”
สิ่งเดียวที่นึกได้ตอนนั้นคือขอพรอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พี่รู้ว่าพี่ไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้เพียงลำพัง พี่ขอให้เพื่อนที่นั่งสมาธิกลุ่มสหจะโยคะช่วยอวยพรให้การซื้อขายผ่านพ้นไปด้วยดี เพื่อนๆ ช่วยกันขอพรจากคุณแม่ศรีมาตาจีและมีสหจะโยคีอาวุโสท่านหนึ่งไลน์ส่วนตัวมาบอกพี่ว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้เชื่อใจและปล่อยวางให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ดูแล”
ก่อนกลับบ้านพี่รีบจุดธูปขอเจ้าที่เจ้าทางให้ท่านช่วยเราอีกทาง หลังทำกับข้าวให้ลูกๆ เสร็จ พี่รีบสวดมนต์เข้านอน คืนนั้นพี่หลับสนิทจนถึงเช้าโดยไม่ฝันอะไร รู้สึกแค่ว่าเราต้องวางใจในกระบวนการและผลลัพธ์ เรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร ติดตามได้ในตอนจบค่ะ
รัก
พี่ณี
3/6/62
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150
รัก
พี่ณี
3/6/62
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150