Inner Journey
7 nights in Japan (ภาค 2)
Osaka เป็นจุดหมายแรกของการเดินทางมาญี่ปุ่นครั้งนี้ พี่สมบูรณ์จองที่พัก เป็น Service apartment ใกล้สถานีรถไฟที่สะดวกกับการเดินทางไว้ 4 คืนรวด เพราะเราได้บทเรียนจากการไปเที่ยวปีก่อนๆ ว่าการเปลี่ยนที่พักทุกวันไม่เหมาะกับการเดินทางไกล เราจึงเลือกที่พักเพียงแห่งเดียวเพื่อให้ทุกคนปรับตัวให้คุ้นชิน
ทริปนี้เราเลือกเดินทางโดยรถไฟทั้งบนดิน ใต้ดินและรถไฟความเร็วสูง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้พี่สมบูรณ์ได้พักและนั่งชมวิวทิวทัศน์บ้าง ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาพี่สมบูรณ์ขับคนเดียวเป็นระยะทางมากกว่า 1,000 กม. ซึ่งเหนื่อยหนักเอาการ
ยิ่งเป็นช่วงเปลี่ยนเมืองที่ต้องขับรถฝ่าความมืดไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุดยิ่งเหนื่อยมาก บ่อยครั้งที่พวกเราทั้งคันรถต้องช่วยกันชวนพ่อคุย ลูกๆ คอยเสริฟน้ำ ส่งขนมและแวะพักข้างทางถ้าเห็นพ่อไม่ไหว พี่เองเป็นคนนั่งหน้าคอยช่วยดูทางเพียงอย่างเดียวยังเคลิ้มหลับเพราะความล้าจากระยะทางที่แต่ละแห่งไกลกันหลายร้อยกิโล
ข้อดีของการเช่ารถคือเราเลือกขนาดของรถได้และเราสามารถบรรจุสัมภาระได้ตามที่ต้องการ แต่ข้อเสียคือการหาที่จอดรถในแต่ละสถานที่ท่องเที่ยว แม้กระทั่งโรงแรมที่เราพักบางแห่งไม่มีที่จอดรถบริการเราต้องวนไปหาที่จอดไกลมากหรือถ้ามีที่จอดรถเราต้องเสียค่าบริการแยกต่างหาก
เราติดใจการอยู่ service apartment ที่มีเครื่องครัวครบครันและมีพื้นที่ตรงกลางไว้ให้ทุกคนคุยกันเหมือนอยู่บ้านซึ่งช่วยเรื่องความรู้สึกดีๆ ตอนทำกิจกรรมร่วมกันได้มาก โรงแรมบางแห่งในต่างประเทศไม่มีอาหารเช้าบริการหรือถ้ามีก็เป็นอาหารเช้าแบบยุโรปที่มีแต่ขนมปัง เบคอนและกาแฟที่เราไม่ค่อยคุ้นชิน ดังนั้นการมีครัวในที่พักคือสวรรค์เล็กๆ ของแม่ที่ได้ง่วนกับการทำอาหารและสนุกกับการไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต
เมื่อเรามาถึง Osaka เราเดินหาที่พักอ่อนใจ Google map พาเรามาทิ้งไว้ตรงสี่แยกเล็กๆ แห่งหนึ่งและให้เราเดากันเองว่าจะไปทางไหน หลังเดินเลี้ยวครบทั้ง 4 แยกเราเข้าไปถามผู้ชายคนหนึ่งที่พอพูดภาษาอังกฤษสลับกับภาษาญี่ปุ่นได้บ้างเล็กน้อย
เมื่อดูแผนที่อีกรอบเขาส่ายหน้าว่าไม่รู้จัก Apartment นี้เขาตัดสินใจพาทุกคนไปที่สถานีเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งรู้ภายหลังว่าเป็นสถานีตำรวจที่ช่วยบริการนักท่องเที่ยว หลังหายไปพักใหญ่ทุกคนกลับออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ปัญญ์บอกแม่ที่นั่งเฝ้ากระเป๋าว่า “เราน่าจะถูกหลอก” คุณตำรวจแจ้งว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏในใบจองไม่ใช่เบอร์ในญี่ปุ่น ที่อยู่ผิดไม่มีหมายเลขนี้ในละแวกนั้น
ความโกลาหลเริ่มเกิดขึ้น คราวนี้ข้อมูลต่างๆ ก็หลั่งไหลมาว่าเราถูกหลอกเป็นแน่แท้เมื่อประมวลผลจากก่อนมา Osaka ปรางเริ่มทักพ่อว่าทำไมหาพิกัดของ Service Apartment ไม่เจอ ตอนเข้าประเทศ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็ทักปัญญ์ว่าที่อยู่ของที่พักไม่ถูกต้อง จนพี่สมบูรณ์ต้องเอาเอกสารยืนยันไป confirm กับเจ้าหน้าที่
พี่สมบูรณ์บอกว่าเป็นไปไม่ได้เพราะถ้าเราถูกหลอกที่พักคงไม่ส่งเอกสารยืนยันหลายรอบก่อนมา หลังเดินลากกระเป๋าใบใหญ่วนหลายครั้ง พี่สมบูรณ์ให้พี่และโอมหาที่รอเพราะเดินลากกระเป๋าไปมาไม่สะดวก เราสองแม่ลูกเลือกยืนรอหน้าที่จอดรถแห่งหนึ่ง สิ่งที่พี่ทำได้ในตอนนั้นคือหยิบหนังสือแปล The Power of Meaning มานั่งอ่านเพื่อให้โอมซึ่งอยากวิ่งไปตามหาพี่ๆ กังวลน้อยลง
พี่ยังเห็นพ่อลูกเดินวนอยู่ที่เดิมเป็นเวลาเกือบชั่วโมง โอมเองก็เดินวนไปมาหลายรอบด้วยความเป็นห่วงพ่อและพี่ๆ เราสองคนคุยกันว่าถ้าพ่อวนมาอีกครั้งแม่จะบอกพ่อให้ไปจองโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ นั้นแทนถือว่าสะเดาะเคราะห์ไป
ระหว่างพี่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ โอมวิ่งข้ามถนนกลับมาหาด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นพร้อมยื่นกระป๋องใส่น้ำองุ่นเขียวให้แม่ โอมเล่าให้ฟังว่าโอมเจอเงินตกอยู่ใกล้ตู้หยอดน้ำ เลยอธิษฐานในใจว่าถ้าโยนแล้วได้รูปดอกไม้จะขอเก็บเงินนี้ไว้แต่ถ้าได้เลข 100 จะหยอดตู้ซื้อน้ำให้ทุกคนกิน
แม่เห็นแววตาที่ตื่นเต้นมากของโอมในตอนนั้น มันเป็นแววตาแห่งความหวังท่ามกลางความสิ้นหวัง พ่อและพี่เดินวนกลับมาอีกรอบโอมโบกมือทักด้วยความดีใจและยกกระป๋องให้พี่ๆ ดู ทุกคนเดินผ่านไปโดยไม่ได้ถามอะไร เพราะพี่สมบูรณ์ยืนยันว่าเราต้องหาที่พักให้เจอ แม่อย่ากังวลและรีบร้อนหาที่พักใหม่
ในที่สุดพี่สมบูรณ์ก็หาที่พักเจอ เพราะพบว่าเจ้าหน้าที่เขียนเลขที่ตกไปหนึ่งตัว บ้านเลขที่ในเอกสารคือบ้านของคุณลุงท่านหนึ่งที่อยู่ถัดจากที่พักเรามาหนึ่งช่วงตึก คุณลุงน่ารักมากให้แผนที่พร้อมพาไปชี้พิกัดที่พักให้
พวกเราทุกคนโล่งใจมากว่าเหตุการณ์ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด เมื่อถึงที่พักโอมก็หยิบกระป๋องน้ำองุ่นมาเปิดให้ทุกคนกิน เรา 5 คนแบ่งน้ำองุ่นกระป๋องเล็กๆ นี้กินกันจนหมด พี่แอบเก็บกระป๋องไว้เพื่อเตือนใจตัวเองว่า “อย่าสิ้นหวังและไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”
แม้ตารางท่องเที่ยวหลายที่ในวันนั้นจะถูกตัดทิ้ง เราทุกคนยังตัดสินใจที่จะไปเที่ยว 1ใน 20 ตึกที่สูงที่สุดในโลกเพื่อไปตามหา Heart lock สถานที่เก็บกุญแจรูปหัวใจที่ลูกๆ อยากเห็นที่ชั้นสูงสุดของอาคาร
เราโชคดีที่ได้ไปนั่งชมวิวและทันเห็นพระอาทิตย์ตกดินตอนสี่โมงกว่าๆ เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของลูกๆ หลังผ่านเรื่องวุ่นๆ ของวัน ทำให้วันแรกของการเดินทางในทริปนี้มีความหมายมากสำหรับพี่
ความรู้สึกนี้ช่างตรงกับวลีในหนังสือที่พี่อ่านตอนนั่งรอทุกคนวนหาที่พักว่า “สิ่งเล็กๆ ที่เราให้คุณค่า สิ่งนั้นย่อมมีความหมายกับชีวิตเราเสมอ”
ยังมีเรื่องราวดีๆ อีกมากมายให้ติดตามค่ะ
รัก
พี่ณี
8/1/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-530915
ทริปนี้เราเลือกเดินทางโดยรถไฟทั้งบนดิน ใต้ดินและรถไฟความเร็วสูง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้พี่สมบูรณ์ได้พักและนั่งชมวิวทิวทัศน์บ้าง ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาพี่สมบูรณ์ขับคนเดียวเป็นระยะทางมากกว่า 1,000 กม. ซึ่งเหนื่อยหนักเอาการ
ยิ่งเป็นช่วงเปลี่ยนเมืองที่ต้องขับรถฝ่าความมืดไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุดยิ่งเหนื่อยมาก บ่อยครั้งที่พวกเราทั้งคันรถต้องช่วยกันชวนพ่อคุย ลูกๆ คอยเสริฟน้ำ ส่งขนมและแวะพักข้างทางถ้าเห็นพ่อไม่ไหว พี่เองเป็นคนนั่งหน้าคอยช่วยดูทางเพียงอย่างเดียวยังเคลิ้มหลับเพราะความล้าจากระยะทางที่แต่ละแห่งไกลกันหลายร้อยกิโล
ข้อดีของการเช่ารถคือเราเลือกขนาดของรถได้และเราสามารถบรรจุสัมภาระได้ตามที่ต้องการ แต่ข้อเสียคือการหาที่จอดรถในแต่ละสถานที่ท่องเที่ยว แม้กระทั่งโรงแรมที่เราพักบางแห่งไม่มีที่จอดรถบริการเราต้องวนไปหาที่จอดไกลมากหรือถ้ามีที่จอดรถเราต้องเสียค่าบริการแยกต่างหาก
เราติดใจการอยู่ service apartment ที่มีเครื่องครัวครบครันและมีพื้นที่ตรงกลางไว้ให้ทุกคนคุยกันเหมือนอยู่บ้านซึ่งช่วยเรื่องความรู้สึกดีๆ ตอนทำกิจกรรมร่วมกันได้มาก โรงแรมบางแห่งในต่างประเทศไม่มีอาหารเช้าบริการหรือถ้ามีก็เป็นอาหารเช้าแบบยุโรปที่มีแต่ขนมปัง เบคอนและกาแฟที่เราไม่ค่อยคุ้นชิน ดังนั้นการมีครัวในที่พักคือสวรรค์เล็กๆ ของแม่ที่ได้ง่วนกับการทำอาหารและสนุกกับการไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต
เมื่อเรามาถึง Osaka เราเดินหาที่พักอ่อนใจ Google map พาเรามาทิ้งไว้ตรงสี่แยกเล็กๆ แห่งหนึ่งและให้เราเดากันเองว่าจะไปทางไหน หลังเดินเลี้ยวครบทั้ง 4 แยกเราเข้าไปถามผู้ชายคนหนึ่งที่พอพูดภาษาอังกฤษสลับกับภาษาญี่ปุ่นได้บ้างเล็กน้อย
เมื่อดูแผนที่อีกรอบเขาส่ายหน้าว่าไม่รู้จัก Apartment นี้เขาตัดสินใจพาทุกคนไปที่สถานีเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งรู้ภายหลังว่าเป็นสถานีตำรวจที่ช่วยบริการนักท่องเที่ยว หลังหายไปพักใหญ่ทุกคนกลับออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ปัญญ์บอกแม่ที่นั่งเฝ้ากระเป๋าว่า “เราน่าจะถูกหลอก” คุณตำรวจแจ้งว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏในใบจองไม่ใช่เบอร์ในญี่ปุ่น ที่อยู่ผิดไม่มีหมายเลขนี้ในละแวกนั้น
ความโกลาหลเริ่มเกิดขึ้น คราวนี้ข้อมูลต่างๆ ก็หลั่งไหลมาว่าเราถูกหลอกเป็นแน่แท้เมื่อประมวลผลจากก่อนมา Osaka ปรางเริ่มทักพ่อว่าทำไมหาพิกัดของ Service Apartment ไม่เจอ ตอนเข้าประเทศ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็ทักปัญญ์ว่าที่อยู่ของที่พักไม่ถูกต้อง จนพี่สมบูรณ์ต้องเอาเอกสารยืนยันไป confirm กับเจ้าหน้าที่
พี่สมบูรณ์บอกว่าเป็นไปไม่ได้เพราะถ้าเราถูกหลอกที่พักคงไม่ส่งเอกสารยืนยันหลายรอบก่อนมา หลังเดินลากกระเป๋าใบใหญ่วนหลายครั้ง พี่สมบูรณ์ให้พี่และโอมหาที่รอเพราะเดินลากกระเป๋าไปมาไม่สะดวก เราสองแม่ลูกเลือกยืนรอหน้าที่จอดรถแห่งหนึ่ง สิ่งที่พี่ทำได้ในตอนนั้นคือหยิบหนังสือแปล The Power of Meaning มานั่งอ่านเพื่อให้โอมซึ่งอยากวิ่งไปตามหาพี่ๆ กังวลน้อยลง
พี่ยังเห็นพ่อลูกเดินวนอยู่ที่เดิมเป็นเวลาเกือบชั่วโมง โอมเองก็เดินวนไปมาหลายรอบด้วยความเป็นห่วงพ่อและพี่ๆ เราสองคนคุยกันว่าถ้าพ่อวนมาอีกครั้งแม่จะบอกพ่อให้ไปจองโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ นั้นแทนถือว่าสะเดาะเคราะห์ไป
ระหว่างพี่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ โอมวิ่งข้ามถนนกลับมาหาด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นพร้อมยื่นกระป๋องใส่น้ำองุ่นเขียวให้แม่ โอมเล่าให้ฟังว่าโอมเจอเงินตกอยู่ใกล้ตู้หยอดน้ำ เลยอธิษฐานในใจว่าถ้าโยนแล้วได้รูปดอกไม้จะขอเก็บเงินนี้ไว้แต่ถ้าได้เลข 100 จะหยอดตู้ซื้อน้ำให้ทุกคนกิน
แม่เห็นแววตาที่ตื่นเต้นมากของโอมในตอนนั้น มันเป็นแววตาแห่งความหวังท่ามกลางความสิ้นหวัง พ่อและพี่เดินวนกลับมาอีกรอบโอมโบกมือทักด้วยความดีใจและยกกระป๋องให้พี่ๆ ดู ทุกคนเดินผ่านไปโดยไม่ได้ถามอะไร เพราะพี่สมบูรณ์ยืนยันว่าเราต้องหาที่พักให้เจอ แม่อย่ากังวลและรีบร้อนหาที่พักใหม่
ในที่สุดพี่สมบูรณ์ก็หาที่พักเจอ เพราะพบว่าเจ้าหน้าที่เขียนเลขที่ตกไปหนึ่งตัว บ้านเลขที่ในเอกสารคือบ้านของคุณลุงท่านหนึ่งที่อยู่ถัดจากที่พักเรามาหนึ่งช่วงตึก คุณลุงน่ารักมากให้แผนที่พร้อมพาไปชี้พิกัดที่พักให้
พวกเราทุกคนโล่งใจมากว่าเหตุการณ์ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด เมื่อถึงที่พักโอมก็หยิบกระป๋องน้ำองุ่นมาเปิดให้ทุกคนกิน เรา 5 คนแบ่งน้ำองุ่นกระป๋องเล็กๆ นี้กินกันจนหมด พี่แอบเก็บกระป๋องไว้เพื่อเตือนใจตัวเองว่า “อย่าสิ้นหวังและไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”
แม้ตารางท่องเที่ยวหลายที่ในวันนั้นจะถูกตัดทิ้ง เราทุกคนยังตัดสินใจที่จะไปเที่ยว 1ใน 20 ตึกที่สูงที่สุดในโลกเพื่อไปตามหา Heart lock สถานที่เก็บกุญแจรูปหัวใจที่ลูกๆ อยากเห็นที่ชั้นสูงสุดของอาคาร
เราโชคดีที่ได้ไปนั่งชมวิวและทันเห็นพระอาทิตย์ตกดินตอนสี่โมงกว่าๆ เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของลูกๆ หลังผ่านเรื่องวุ่นๆ ของวัน ทำให้วันแรกของการเดินทางในทริปนี้มีความหมายมากสำหรับพี่
ความรู้สึกนี้ช่างตรงกับวลีในหนังสือที่พี่อ่านตอนนั่งรอทุกคนวนหาที่พักว่า “สิ่งเล็กๆ ที่เราให้คุณค่า สิ่งนั้นย่อมมีความหมายกับชีวิตเราเสมอ”
ยังมีเรื่องราวดีๆ อีกมากมายให้ติดตามค่ะ
รัก
พี่ณี
8/1/61
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-530915