Biography การเรียนรู้ชะตาชีวิต (ภาค 3)
ในภาคสุดท้ายนี้เราจะกลับมาเรียนรู้สิ่งที่ Carl G. Jung เรียกว่า เงา หรือ Shadow ในภาษามนุษยปรัชญาเรียกว่า Double ว่าทำงานกันอย่างไรนะคะ
Shadow เป็นบุคลิกภาพแฝงที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด เงาทำงานผ่านจิตไร้สำนึกทำให้เราแสดงออกโดยไม่รู้ตัว บ่อยครั้งที่เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ โมโหแบบฉุนขาดเอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่ ที่น่าสังเกตคือ Shadow มักจะเป็นเรื่องเดียวเรื่องเดิมที่ทำให้เราสติหลุดทุกครั้ง
ถ้าอยู่ในสภาวะปกติ shadow จะเงียบสงบแต่เมื่อเจอกับสภาวะผิดที่ผิดทางกับคนเดิมๆ กับสถานการณ์คล้ายเดิม shadow จะกระโจนเข้าใส่และกลายเป็นผู้บัญชาการรบแทนเราทุกครั้ง
ลองนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ที่ทำให้เราขาดสติ ตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ร้ายจนเราแปลกใจว่าทำลงไปได้อย่างไร พี่เริ่มเข้าใจว่าทำไมเราถึงทำร้ายกันได้จนถึงชีวิตเป็นเพราะ shadow ในตัวเรานี่เอง
ทำไมเราถึงมี Shadow ต่างกัน
ปกติมนุษย์ทุกคนมีจุดเปราะบางที่กระทบใจทำให้อารมณ์เสียและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกับเรื่องที่ต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกรรมหรือการกระทำที่เราสั่งสมมาในแต่ละภพชาติ Shadow จึงเป็นบุคลิกภาพด้านที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาที่พร้อมกระโจนใส่ทุกเรื่องที่เป็นด้านมืดของชีวิต
ครูยกตัวอย่างน่าสนใจว่าในอดีตชาติเราอาจเคยมีอาชีพที่ต้องทำงานอยู่บนความหวาดกลัว ต้องคอยควบคุมคนอื่นเสมอๆ มาถึงชาตินี้เราจะรู้สึกทนไม่ได้ถ้ามีใครมาเจ้ากี้เจ้าการเราเพราะเรากลัวการถูกบังคับเหมือนที่เราเคยไปบังคับคนอื่นไว้
พี่เองก็อาจเคยเป็นผู้พิทักษ์กฏระเบียบมาก่อนมาชาตินี้รู้สึกทนไม่ได้ถ้าเห็นใครทำผิดกฏ ถ้าใครจำได้ว่าพี่เป็นแม่ที่ร้ายกาจมากเพียงใดตอนลูกยังเล็กๆ พี่จะโกรธลูกทุกครั้งที่เห็นลูกเก็บของเข้าที่ไม่เรียบร้อย
ความโกรธยิ่งเท่าทวีคูณเมื่อไม่ยอมเก็บของทันทีที่แม่สั่ง ด้วยความขาดสติพี่ฟาดลูกแบบไม่ยั้งเพราะคิดเอาเองว่าเราทำถูกต้องแล้ว สุดท้ายต้องมานั่งเสียใจภายหลังว่าทำลงไปได้อย่างไร
คนสำคัญที่จุดชนวนความโกรธมากที่สุดคือคนใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา คนรักเพราะเราต่างมีกรรมกำเนิดผูกพันกันมาทำให้เราต้องมาเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน น่าเศร้าใจที่สาเหตุของความรุนแรงในครอบครัวส่วนใหญ่เกิดจากการถูก Shadow ครอบงำ
แล้วเราจะพา "เงา" ออกไปจากชีวิตได้หรือไม่
"เงา" ไม่ยอมให้ใครไล่จับได้ง่ายๆ ครูบอกว่า "เงา" คือส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ไม่มีโรงขยะในจักรวาล (Cosmic Garbage) ให้เราจับเงาไปทิ้ง สิ่งเดียวที่จะทำงานกับเงาได้คือความรักที่มั่นคงและการมีสติ
ยิ่งคนที่มีลูกย่างเข้าวัยรุ่น เงาของลูกและเงาของเราปะทะและกระทบกระทั่งกันบ่อยครั้ง การยอมรับลูกอย่างที่ลูกเป็น รักเขาได้ในวันที่ลูกน่ารักและไม่น่ารักช่วยให้ลูกและเราเข้าใจกันและกันมากขึ้น
ความรักที่ยิ่งใหญ่นี้จะช่วยให้เรากับเงาเรียนรู้ไปด้วยกันว่าอะไรควรไม่ควร เราจะโอบกอดเงาด้วยความยินดีเมื่อมันฉายวาบขึ้นในใจ เราจะพูดคุยกับเงาคัวเองอย่างอ่อนโยนว่า "ใจเย็นๆ ไม่ต้องโกรธก็ได้ เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องนี้เอง"
การมีสติช่วยให้เรายับยั้งชั่งใจตัวเองก่อนที่จะทำร้ายร่างกาย จิตใจของคนที่เรารักโดยไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่เมื่อเงาของคู่อริมาเจอกันเรื่องจะลุกลามใหญ่โต ถ้าใครคนใดคนหนึ่งมีสติและหยุดตัวเองไว้ทัน เดินหนีออกจากเหตุการณ์นั้นก่อน ทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดี
การนั่งสมาธิทุกวันเป็นอีกหนึ่งหนทางให้เรารู้เท่าทันเงาของตัวเอง ประโยชน์ของการนั่งสมาธินอกจากจะช่วยให้เรามีสติ ยังเป็นการเชื่อมต่อกับ Higher Self ให้เป็นผู้ส่องแสงสว่างนำทางชีวิต
ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขจาก Higher Self จะพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี เป็นแสงสว่างส่องทางให้เรายอมรับและพยายามพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นโดยไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของเงาอีกต่อไป
การมีกัลยาณมิตรที่ดีซึ่งช่วยสะท้อน "เงา" ในอดีตของเราเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยให้เรายอมรับและอยู่กับเงาของตัวเองอย่างผาสุก
หวังว่า การเรียนรู้ชะตาชีวิตทั้ง 3 ภาคนี้ช่วยให้เพื่อนๆ ทุกคนเข้าใจตัวเอง และเข้าใจผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในครอบครัวไม่มากก็น้อยนะคะ หลังจากบทนี้ไป เราคงกลับไปเรียนรู้เรื่อง Biography กับลำดับที่ของพี่น้องตามที่สัญญาไว้ค่ะ
รัก
พี่ณี
22/7/60
Shadow เป็นบุคลิกภาพแฝงที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด เงาทำงานผ่านจิตไร้สำนึกทำให้เราแสดงออกโดยไม่รู้ตัว บ่อยครั้งที่เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ โมโหแบบฉุนขาดเอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่ ที่น่าสังเกตคือ Shadow มักจะเป็นเรื่องเดียวเรื่องเดิมที่ทำให้เราสติหลุดทุกครั้ง
ถ้าอยู่ในสภาวะปกติ shadow จะเงียบสงบแต่เมื่อเจอกับสภาวะผิดที่ผิดทางกับคนเดิมๆ กับสถานการณ์คล้ายเดิม shadow จะกระโจนเข้าใส่และกลายเป็นผู้บัญชาการรบแทนเราทุกครั้ง
ลองนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ที่ทำให้เราขาดสติ ตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ร้ายจนเราแปลกใจว่าทำลงไปได้อย่างไร พี่เริ่มเข้าใจว่าทำไมเราถึงทำร้ายกันได้จนถึงชีวิตเป็นเพราะ shadow ในตัวเรานี่เอง
ทำไมเราถึงมี Shadow ต่างกัน
ปกติมนุษย์ทุกคนมีจุดเปราะบางที่กระทบใจทำให้อารมณ์เสียและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกับเรื่องที่ต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกรรมหรือการกระทำที่เราสั่งสมมาในแต่ละภพชาติ Shadow จึงเป็นบุคลิกภาพด้านที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาที่พร้อมกระโจนใส่ทุกเรื่องที่เป็นด้านมืดของชีวิต
ครูยกตัวอย่างน่าสนใจว่าในอดีตชาติเราอาจเคยมีอาชีพที่ต้องทำงานอยู่บนความหวาดกลัว ต้องคอยควบคุมคนอื่นเสมอๆ มาถึงชาตินี้เราจะรู้สึกทนไม่ได้ถ้ามีใครมาเจ้ากี้เจ้าการเราเพราะเรากลัวการถูกบังคับเหมือนที่เราเคยไปบังคับคนอื่นไว้
พี่เองก็อาจเคยเป็นผู้พิทักษ์กฏระเบียบมาก่อนมาชาตินี้รู้สึกทนไม่ได้ถ้าเห็นใครทำผิดกฏ ถ้าใครจำได้ว่าพี่เป็นแม่ที่ร้ายกาจมากเพียงใดตอนลูกยังเล็กๆ พี่จะโกรธลูกทุกครั้งที่เห็นลูกเก็บของเข้าที่ไม่เรียบร้อย
ความโกรธยิ่งเท่าทวีคูณเมื่อไม่ยอมเก็บของทันทีที่แม่สั่ง ด้วยความขาดสติพี่ฟาดลูกแบบไม่ยั้งเพราะคิดเอาเองว่าเราทำถูกต้องแล้ว สุดท้ายต้องมานั่งเสียใจภายหลังว่าทำลงไปได้อย่างไร
คนสำคัญที่จุดชนวนความโกรธมากที่สุดคือคนใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา คนรักเพราะเราต่างมีกรรมกำเนิดผูกพันกันมาทำให้เราต้องมาเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน น่าเศร้าใจที่สาเหตุของความรุนแรงในครอบครัวส่วนใหญ่เกิดจากการถูก Shadow ครอบงำ
แล้วเราจะพา "เงา" ออกไปจากชีวิตได้หรือไม่
"เงา" ไม่ยอมให้ใครไล่จับได้ง่ายๆ ครูบอกว่า "เงา" คือส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ไม่มีโรงขยะในจักรวาล (Cosmic Garbage) ให้เราจับเงาไปทิ้ง สิ่งเดียวที่จะทำงานกับเงาได้คือความรักที่มั่นคงและการมีสติ
ยิ่งคนที่มีลูกย่างเข้าวัยรุ่น เงาของลูกและเงาของเราปะทะและกระทบกระทั่งกันบ่อยครั้ง การยอมรับลูกอย่างที่ลูกเป็น รักเขาได้ในวันที่ลูกน่ารักและไม่น่ารักช่วยให้ลูกและเราเข้าใจกันและกันมากขึ้น
ความรักที่ยิ่งใหญ่นี้จะช่วยให้เรากับเงาเรียนรู้ไปด้วยกันว่าอะไรควรไม่ควร เราจะโอบกอดเงาด้วยความยินดีเมื่อมันฉายวาบขึ้นในใจ เราจะพูดคุยกับเงาคัวเองอย่างอ่อนโยนว่า "ใจเย็นๆ ไม่ต้องโกรธก็ได้ เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องนี้เอง"
การมีสติช่วยให้เรายับยั้งชั่งใจตัวเองก่อนที่จะทำร้ายร่างกาย จิตใจของคนที่เรารักโดยไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่เมื่อเงาของคู่อริมาเจอกันเรื่องจะลุกลามใหญ่โต ถ้าใครคนใดคนหนึ่งมีสติและหยุดตัวเองไว้ทัน เดินหนีออกจากเหตุการณ์นั้นก่อน ทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดี
การนั่งสมาธิทุกวันเป็นอีกหนึ่งหนทางให้เรารู้เท่าทันเงาของตัวเอง ประโยชน์ของการนั่งสมาธินอกจากจะช่วยให้เรามีสติ ยังเป็นการเชื่อมต่อกับ Higher Self ให้เป็นผู้ส่องแสงสว่างนำทางชีวิต
ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขจาก Higher Self จะพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี เป็นแสงสว่างส่องทางให้เรายอมรับและพยายามพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นโดยไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของเงาอีกต่อไป
การมีกัลยาณมิตรที่ดีซึ่งช่วยสะท้อน "เงา" ในอดีตของเราเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยให้เรายอมรับและอยู่กับเงาของตัวเองอย่างผาสุก
หวังว่า การเรียนรู้ชะตาชีวิตทั้ง 3 ภาคนี้ช่วยให้เพื่อนๆ ทุกคนเข้าใจตัวเอง และเข้าใจผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในครอบครัวไม่มากก็น้อยนะคะ หลังจากบทนี้ไป เราคงกลับไปเรียนรู้เรื่อง Biography กับลำดับที่ของพี่น้องตามที่สัญญาไว้ค่ะ
รัก
พี่ณี
22/7/60