Biography การเรียนรู้ชะตาชีวิต (ภาค 2)
ขออนุญาตส่ง การเรียนรู้ชะตาชีวิต ภาค 2 ให้อ่านอีกครั้งก่อนอ่านภาค 3 กันนะคะ เพราะพี่เพิ่งสังเกตุเห็นว่าโพสต์เมื่อ 2 วันก่อนน่าจะติดปัญหาเรื่องไฟล์วีดีโอที่แนบไป วันนี้เปลี่ยนเป็นภาพให้แล้วค่ะน่าจะส่งถึงเพื่อนๆ ได้ง่ายขึ้น
การเรียนรู้ชะตาชีวิตใน Module ที่ผ่านมามีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคนมาก พี่เลยขออนุญาตรวบรวมมาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก 2 ภาคนะคะ
เมื่อภาคที่แล้วเราพูดถึงกรรมสองกระแสคือกรรมกำเนิดกับอุบัติกรรม หลายครั้งที่เมื่อกรรมสองกระแสมาเจอกันหลายคนพลาดโอกาสในการใคร่ครวญและพินิจพิจารณาว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นมาทำไม
ครูแบ่งปันกับพวกเราว่าทุกครั้งที่เราลงมาเกิดเราเป็นผู้กำหนดทุกสิ่งไว้ล่วงหน้าแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละภพชาติคือบริบทของสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือตัวตนขั้นสูงของเราหรือที่ครูเรียกว่า "I" หรือ Higher Self
แล้วเราจะเจอ Higher Self ของตัวเองได้อย่างไร เรารู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นไปเพื่อสั่งสมคุณงามความดีให้ Higher self ของตัวเอง พี่มีตัวอย่างเล็กๆ มาเล่าให้ฟังค่ะ
พี่ไปฮ่องกงกับลูกๆ เมื่อสามวันที่ผ่านมา ก่อนกลับพี่ตื่นมาพร้อมความประหลาดใจที่เห็นตัว M ติดอยู่บนนิ้ว นั่งทบทวนอยู่หลายรอบว่าตัว M นี้มาจากที่ใด ทำไมมาติดอยู่บนนิ้วได้
พี่คิดไปต่างๆ นานาว่าตัว M หมายถึงอะไร มันใช่ Money, Meaning, Miracle หรือเปล่า เอ! แล้วสิ่งนี้กำลังบอกอะไรเรา
ในการเรียนรู้เรื่องชะตาชีวิต หลายครั้งที่มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นมาให้เราได้ตีความและคาดเดาไปต่างๆ นานา ถ้าเราคิดว่านี่คือเรื่องบังเอิญมันก็คือเรื่องบังเอิญจริงๆ แต่ถ้าเราคิดว่าสิ่งนี้คือสัญญาณบอกเหตุให้เราลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงเรื่องราวบางอย่างในชีวิต สำหรับพี่นี่คือสัญญาณ!
ช่วงเวลาที่กรรมทั้งสองกระแสมาเจอกันหลายคนอาจพร่ำบ่นโทษฟ้าดินโดยลืมไปว่าเราคือผู้กำหนดชะตากรรมของตัวเองไว้แล้ว ดังนั้นการลุกขึ้นเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตนเองกำหนดไว้แล้วอย่างกล้าหาญจำต้องอาศัยสติในการประคองขีวิตให้ผ่านเรื่องราวนี้ไปให้ได้
การเรียนรู้เริ่มต้นจาก "สติ" ที่มองปัญหาในชีวิตแบบเป็นองค์รวม ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ ทุกสิ่งเรียงร้อยและสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน การแก้ไขปัญหาเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ คือตัวเราเอง
ปัญหาชีวิตของแต่ละคนต่างกัน ด้วยกระแสกรรมส่วนบุคคลทำให้เราให้น้ำหนักกับเรื่องราวในชีวิตต่างกัน เข่นบางคนรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่รัก เพื่อนไม่ดี คู่ชีวิตไม่เป็นดังใจหวัง
ท่านรู้ไหมคะ สิ่งเหล่านี้เกิดจากสิ่งที่เราเคยกระทำไว้ในชาติที่แล้ว ดังนั้นชาตินี้เราจึงกลับมาเกิดเพื่อเปลี่ยนแปลงชาติหน้าให้ดีขึ้น
กรรมกำเนิดจึงช่วยให้เรามีร่างกายที่เป็นกายเนื้อในการแก้ไขการกระทำในอดีต ส่วนอุบัติกรรมช่วยให้เราเรียนรู้และเติบโตขึ้นทั้งในชาตินี้และภพชาติต่อๆ ไป กรรมทั้งสองกระแสเกิดขึ้นเพื่อเราคนเดียวโดยมี Higer self ที่ไม่เคยเปลี่ยนตามลงมาเกิดกับเราทุกภพชาติ
ดังนั้น Higher self จึงเป็นผู้ให้สติเราในการลุกขึ้นมาเปลี่ยนวิถีชีวิตไม่ให้จมลงไปอยู่ในปัญหานั้น ๆ เวลาเราเจอปัญหาเราเลือกได้ว่าเราอยากแก้ไขนั้นให้ดีขึ้นได้อย่างไร แม้บริบทรอบข้างจะแย่เพียงไหน
กลับมาดู Higher self ที่เป็นรูปธรรมของโรงแรมนี้กันนะคะ ที่ข้างขวดเขาเขียนว่า "โรงแรมเราอยากเป็นหนึ่งในผู้รักษาเกาะฮ่องกงนี้ไว้ในการกระทำทุกอย่างในชีวิตประจำวันของพวกเรา น้ำขวดแก้วนี้ช่วยลดการใช้ขวดพลาสติก 350,000 ขวดต่อปีได้"
วินาทีที่ได้อ่านและได้รู้ว่าตัว M เล็กๆ ที่ติดอยู่บนปลายนิ้วมาจากขวดน้ำที่เป็นแก้วใสที่โรงแรมตั้งไว้ให้พวกเราดื่ม มันเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายกับชีวิตตัวเองมาก เพราะการมาพักโรงแรมนี้ได้ช่วยประหยัดสตางค์ซื้อน้ำบรรจุขวดพลาสติก ช่วยทำให้เกาะฮ่องกงมีความหมายขึ้นในใจเรา และช่วยทำให้เกิดความอัศจรรย์ใจเมื่อได้รู้ความจริงนี้
Higher Self เหมือนน้ำขวดนี้ที่ใสบริสุทธิ์ ไม่ว่าเหตุการรอบข้างจะเปลี่ยนไปเพียงไหน ตัวตนขั้นสูงนี้ยังคงดำรงอยู่ไม่เคยเปลี่ยนไปเพื่อให้เราได้พัฒนาและเรียนรู้มากขึ้นในชาติต่อไป
ครูเน้นย้ำก่อนจากลาว่า การพัฒนาคือเป้าหมายของการเกิดเป็นมนุษย์ในแต่ละภพชาติ ยิ่งเราพัฒนามากขึ้นเท่าไหร่ คนรอบข้างก็จะพัฒนามากขึ้นเช่นกัน
ครูเรียกการพัฒนานี้ว่า self-education หรือ self-knowledge โดยเฉพาะอย่างการเป็นพ่อแม่หรือครูผู้ให้การศึกษาเด็กๆ ถ้าเราพัฒนาตัวเองมากเท่าไหร่ ลูกและลูกศิษย์จะสามารถพัฒนาตัวเองได้มากเท่านั้น
การที่เรารู้สึกว่าทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจ อาจเป็นเพราะเราหลงลืมที่จะกลับมาขอบคุณเรื่องราวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันทุกวันหรือไม่ เราอาจถูกสิ่งที่เรียกว่าเงาหรือ Shadow ครอบงำจนลืมขอบคุณของขวัญที่ชีวิตมอบให้หรือไม่
ติดตามตอนต่อไปเรื่อง Shadow ที่เป็นตัวขัดขวางไม่ให้เราพัฒนาตนเองได้ในภาคที่สามนะคะ
รัก
พี่ณี
21/7/60
การเรียนรู้ชะตาชีวิตใน Module ที่ผ่านมามีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคนมาก พี่เลยขออนุญาตรวบรวมมาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก 2 ภาคนะคะ
เมื่อภาคที่แล้วเราพูดถึงกรรมสองกระแสคือกรรมกำเนิดกับอุบัติกรรม หลายครั้งที่เมื่อกรรมสองกระแสมาเจอกันหลายคนพลาดโอกาสในการใคร่ครวญและพินิจพิจารณาว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นมาทำไม
ครูแบ่งปันกับพวกเราว่าทุกครั้งที่เราลงมาเกิดเราเป็นผู้กำหนดทุกสิ่งไว้ล่วงหน้าแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละภพชาติคือบริบทของสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือตัวตนขั้นสูงของเราหรือที่ครูเรียกว่า "I" หรือ Higher Self
แล้วเราจะเจอ Higher Self ของตัวเองได้อย่างไร เรารู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นไปเพื่อสั่งสมคุณงามความดีให้ Higher self ของตัวเอง พี่มีตัวอย่างเล็กๆ มาเล่าให้ฟังค่ะ
พี่ไปฮ่องกงกับลูกๆ เมื่อสามวันที่ผ่านมา ก่อนกลับพี่ตื่นมาพร้อมความประหลาดใจที่เห็นตัว M ติดอยู่บนนิ้ว นั่งทบทวนอยู่หลายรอบว่าตัว M นี้มาจากที่ใด ทำไมมาติดอยู่บนนิ้วได้
พี่คิดไปต่างๆ นานาว่าตัว M หมายถึงอะไร มันใช่ Money, Meaning, Miracle หรือเปล่า เอ! แล้วสิ่งนี้กำลังบอกอะไรเรา
ในการเรียนรู้เรื่องชะตาชีวิต หลายครั้งที่มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นมาให้เราได้ตีความและคาดเดาไปต่างๆ นานา ถ้าเราคิดว่านี่คือเรื่องบังเอิญมันก็คือเรื่องบังเอิญจริงๆ แต่ถ้าเราคิดว่าสิ่งนี้คือสัญญาณบอกเหตุให้เราลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงเรื่องราวบางอย่างในชีวิต สำหรับพี่นี่คือสัญญาณ!
ช่วงเวลาที่กรรมทั้งสองกระแสมาเจอกันหลายคนอาจพร่ำบ่นโทษฟ้าดินโดยลืมไปว่าเราคือผู้กำหนดชะตากรรมของตัวเองไว้แล้ว ดังนั้นการลุกขึ้นเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตนเองกำหนดไว้แล้วอย่างกล้าหาญจำต้องอาศัยสติในการประคองขีวิตให้ผ่านเรื่องราวนี้ไปให้ได้
การเรียนรู้เริ่มต้นจาก "สติ" ที่มองปัญหาในชีวิตแบบเป็นองค์รวม ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ ทุกสิ่งเรียงร้อยและสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน การแก้ไขปัญหาเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ คือตัวเราเอง
ปัญหาชีวิตของแต่ละคนต่างกัน ด้วยกระแสกรรมส่วนบุคคลทำให้เราให้น้ำหนักกับเรื่องราวในชีวิตต่างกัน เข่นบางคนรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่รัก เพื่อนไม่ดี คู่ชีวิตไม่เป็นดังใจหวัง
ท่านรู้ไหมคะ สิ่งเหล่านี้เกิดจากสิ่งที่เราเคยกระทำไว้ในชาติที่แล้ว ดังนั้นชาตินี้เราจึงกลับมาเกิดเพื่อเปลี่ยนแปลงชาติหน้าให้ดีขึ้น
กรรมกำเนิดจึงช่วยให้เรามีร่างกายที่เป็นกายเนื้อในการแก้ไขการกระทำในอดีต ส่วนอุบัติกรรมช่วยให้เราเรียนรู้และเติบโตขึ้นทั้งในชาตินี้และภพชาติต่อๆ ไป กรรมทั้งสองกระแสเกิดขึ้นเพื่อเราคนเดียวโดยมี Higer self ที่ไม่เคยเปลี่ยนตามลงมาเกิดกับเราทุกภพชาติ
ดังนั้น Higher self จึงเป็นผู้ให้สติเราในการลุกขึ้นมาเปลี่ยนวิถีชีวิตไม่ให้จมลงไปอยู่ในปัญหานั้น ๆ เวลาเราเจอปัญหาเราเลือกได้ว่าเราอยากแก้ไขนั้นให้ดีขึ้นได้อย่างไร แม้บริบทรอบข้างจะแย่เพียงไหน
กลับมาดู Higher self ที่เป็นรูปธรรมของโรงแรมนี้กันนะคะ ที่ข้างขวดเขาเขียนว่า "โรงแรมเราอยากเป็นหนึ่งในผู้รักษาเกาะฮ่องกงนี้ไว้ในการกระทำทุกอย่างในชีวิตประจำวันของพวกเรา น้ำขวดแก้วนี้ช่วยลดการใช้ขวดพลาสติก 350,000 ขวดต่อปีได้"
วินาทีที่ได้อ่านและได้รู้ว่าตัว M เล็กๆ ที่ติดอยู่บนปลายนิ้วมาจากขวดน้ำที่เป็นแก้วใสที่โรงแรมตั้งไว้ให้พวกเราดื่ม มันเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายกับชีวิตตัวเองมาก เพราะการมาพักโรงแรมนี้ได้ช่วยประหยัดสตางค์ซื้อน้ำบรรจุขวดพลาสติก ช่วยทำให้เกาะฮ่องกงมีความหมายขึ้นในใจเรา และช่วยทำให้เกิดความอัศจรรย์ใจเมื่อได้รู้ความจริงนี้
Higher Self เหมือนน้ำขวดนี้ที่ใสบริสุทธิ์ ไม่ว่าเหตุการรอบข้างจะเปลี่ยนไปเพียงไหน ตัวตนขั้นสูงนี้ยังคงดำรงอยู่ไม่เคยเปลี่ยนไปเพื่อให้เราได้พัฒนาและเรียนรู้มากขึ้นในชาติต่อไป
ครูเน้นย้ำก่อนจากลาว่า การพัฒนาคือเป้าหมายของการเกิดเป็นมนุษย์ในแต่ละภพชาติ ยิ่งเราพัฒนามากขึ้นเท่าไหร่ คนรอบข้างก็จะพัฒนามากขึ้นเช่นกัน
ครูเรียกการพัฒนานี้ว่า self-education หรือ self-knowledge โดยเฉพาะอย่างการเป็นพ่อแม่หรือครูผู้ให้การศึกษาเด็กๆ ถ้าเราพัฒนาตัวเองมากเท่าไหร่ ลูกและลูกศิษย์จะสามารถพัฒนาตัวเองได้มากเท่านั้น
การที่เรารู้สึกว่าทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจ อาจเป็นเพราะเราหลงลืมที่จะกลับมาขอบคุณเรื่องราวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันทุกวันหรือไม่ เราอาจถูกสิ่งที่เรียกว่าเงาหรือ Shadow ครอบงำจนลืมขอบคุณของขวัญที่ชีวิตมอบให้หรือไม่
ติดตามตอนต่อไปเรื่อง Shadow ที่เป็นตัวขัดขวางไม่ให้เราพัฒนาตนเองได้ในภาคที่สามนะคะ
รัก
พี่ณี
21/7/60