Biography : การเรียนรู้ชะตาชีวิต
ระหว่างทางนั่งรถไปส่งครู Karl-Heinz Finke ขึ้นเครื่องกลับบ้าน มีโอกาสได้คุยกับครูหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องมุมมองต่อชีวิต
"ทำไมเราต้องเรียนรู้เรื่องขะตาชีวิต"
ในมุมมองของครู ชะตาชีวิตถูกลิขิตมาด้วยกรรม 2 แบบคือกรรมกำเนิดและอุบัติกรรม กรรมกำเนิดคือกรรมที่เกิดมาพร้อมตัวเราไม่ว่าจะเป็นร่างกาย ความชอบไม่ชอบและโรคภัยไข้เจ็บ ส่วนอุบัติกรรมคือกรรมที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอกโดยกรรมนี้เกิดขึ้นเพื่อเราโดยเฉพาะ
หลายคนอาจเคยประสบปัญหาว่า "ทำไมต้องเป็นเรา ทำไมไม่เป็นคนอื่น" ถ้าเราสืบค้นลึกลงไปเราจะเห็นว่าเราเป็นผู้กำหนดชะตาขีวิตเพื่อมาแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเอง ดังนั้น การเรียนรู้ชะตาขีวิตช่วยให้เราเชื่อมต่อไปกลับแหล่งพลังงานสูงสุดหรือปัญญาญาณในตัวเอง เพื่อพบหนทางออกจากความมืดมิดด้วยตัวเอง
"เราจะออกจากความมืดได้อย่างไร"
ในสมัยโบราณ มนุษย์อยู่ใกล้ชิดกับพระเป็นเจ้า อากาศยังเต็มไปด้วยปัญญาญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมนุษย์หายใจนำปัญญาญาณนี้เข้าไป มนุษย์สามารถเกิดความตระหนักรู้ได้ด้วยตนเอง แต่ในปัจจุบันอากาศเต็มไปด้วยมลพิษ และมนุษย์แยกตัวจากพระเป็นเจ้าอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้น หนทางเดียวที่จะเชื่อมต่อกับปัญญาญาณคิอการนำอากาศเข้าไปในตัวอีกครั้ง คำว่า จิตวิญญาณในภาษากรีกโบราณแปลว่า Breath หรือการหายใจ เมื่อเราเชื่อมต่อกับลมหายใจตัวเองได้อีกครั้ง เราก็จะมีปัญญาญาณและสติมากขึ้น สติช่วยให้เรามองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในชีวิต
การเรียนรู้เรื่องกรรมทั้งสองกระแสข่วยให้เราเข้าใจในท้ายที่สุดว่ามีเพียงเราคนเดียวเท่านั้นที่จะเปลี่ยนขะตากรรมของตัวเองและชะตากรรมของโลกได้ สิ่งที่เราทำและไม่ได้ทำส่งผลกระทบต่อขีวิตเราและโลกด้วยเช่นกัน
สำหรับพี่ หลักสูตร Destiny Learning เป็นหลักสูตรที่ช่วยให้เราขอบคุณทั้งด้านมืดและด้านสว่างในชีวิต ไม่มีด้านไหนดีกว่ากันเพียงแค่เรามีสติรู้เท่าทันและมองทุกความท้าทายในชีวิตด้วยมุมมองที่แตกต่าง เห็นโอกาสในการพัฒนาตนเองให้เติบโตไปอีกขั้น
ระหว่างที่คุยกับครู ตาเหลือบเห็นวิวต้นไม้และหนองน้ำข้างทางที่รถวิ่งผ่านทั้งวันแรกและวันกลับด้วยมุมมองที่ต่างไป วันนี้พี่เริ่มหลงรักเงาในน้ำเพราะได้เรียนรู้ว่าเงาคือส่วนหนึ่งของชีวิต เราสลัดเงาออกจากขีวิตไม่ได้ แต่สามารถเพิ่มแสงสว่างเข้าไปในชีวิตได้
โชคดีที่วันนี้ได้เห็นแสงอาทิตย์เจิดจ้าบนท้องฟ้า แสงสว่างที่ทำให้เราเรียนรู้ว่าเงาเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไร้แสง เหมือนอุปมาที่กล่าวว่า "มนุษย์จะไม่เคยขอบคุณแสงสว่าง...ถ้าขีวิตไม่เคยเจอความมืด"
มีประโยคสุดท้ายที่ครูเขียนขึ้นกระดานว่า "Love the Evil Good" ครูให้คำจำกัดความไว้ 2 นัยว่า "เมื่อเรารักสิ่งที่ไม่ดีหรือไม่น่ารักได้ ..สิ่งนั้นจะเปลี่ยนเป็นดี" หรืออีกนัยหนึ่งคือ "เมื่อเรายืนหยัดที่จะรักตัวเองอย่างเข้มแข็ง ในท้ายที่สุด..แรงแห่งรักนี้จะเปลี่ยนปีศาจร้ายในตัวเรา"
ติดตาม "พลังแห่งรัก" ในเรื่อง Biography กับลำดับที่ของพี่น้องตอนต่อไปค่ะ มาหาคำตอบร่วมกันว่า "ทำไมความรักจึงมีอานุภาพยิ่งนักตอนลูกก้าวเข้าสู่วัยรุ่น"
รัก
พี่ณี
16/7/60
"ทำไมเราต้องเรียนรู้เรื่องขะตาชีวิต"
ในมุมมองของครู ชะตาชีวิตถูกลิขิตมาด้วยกรรม 2 แบบคือกรรมกำเนิดและอุบัติกรรม กรรมกำเนิดคือกรรมที่เกิดมาพร้อมตัวเราไม่ว่าจะเป็นร่างกาย ความชอบไม่ชอบและโรคภัยไข้เจ็บ ส่วนอุบัติกรรมคือกรรมที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอกโดยกรรมนี้เกิดขึ้นเพื่อเราโดยเฉพาะ
หลายคนอาจเคยประสบปัญหาว่า "ทำไมต้องเป็นเรา ทำไมไม่เป็นคนอื่น" ถ้าเราสืบค้นลึกลงไปเราจะเห็นว่าเราเป็นผู้กำหนดชะตาขีวิตเพื่อมาแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเอง ดังนั้น การเรียนรู้ชะตาขีวิตช่วยให้เราเชื่อมต่อไปกลับแหล่งพลังงานสูงสุดหรือปัญญาญาณในตัวเอง เพื่อพบหนทางออกจากความมืดมิดด้วยตัวเอง
"เราจะออกจากความมืดได้อย่างไร"
ในสมัยโบราณ มนุษย์อยู่ใกล้ชิดกับพระเป็นเจ้า อากาศยังเต็มไปด้วยปัญญาญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมนุษย์หายใจนำปัญญาญาณนี้เข้าไป มนุษย์สามารถเกิดความตระหนักรู้ได้ด้วยตนเอง แต่ในปัจจุบันอากาศเต็มไปด้วยมลพิษ และมนุษย์แยกตัวจากพระเป็นเจ้าอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้น หนทางเดียวที่จะเชื่อมต่อกับปัญญาญาณคิอการนำอากาศเข้าไปในตัวอีกครั้ง คำว่า จิตวิญญาณในภาษากรีกโบราณแปลว่า Breath หรือการหายใจ เมื่อเราเชื่อมต่อกับลมหายใจตัวเองได้อีกครั้ง เราก็จะมีปัญญาญาณและสติมากขึ้น สติช่วยให้เรามองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในชีวิต
การเรียนรู้เรื่องกรรมทั้งสองกระแสข่วยให้เราเข้าใจในท้ายที่สุดว่ามีเพียงเราคนเดียวเท่านั้นที่จะเปลี่ยนขะตากรรมของตัวเองและชะตากรรมของโลกได้ สิ่งที่เราทำและไม่ได้ทำส่งผลกระทบต่อขีวิตเราและโลกด้วยเช่นกัน
สำหรับพี่ หลักสูตร Destiny Learning เป็นหลักสูตรที่ช่วยให้เราขอบคุณทั้งด้านมืดและด้านสว่างในชีวิต ไม่มีด้านไหนดีกว่ากันเพียงแค่เรามีสติรู้เท่าทันและมองทุกความท้าทายในชีวิตด้วยมุมมองที่แตกต่าง เห็นโอกาสในการพัฒนาตนเองให้เติบโตไปอีกขั้น
ระหว่างที่คุยกับครู ตาเหลือบเห็นวิวต้นไม้และหนองน้ำข้างทางที่รถวิ่งผ่านทั้งวันแรกและวันกลับด้วยมุมมองที่ต่างไป วันนี้พี่เริ่มหลงรักเงาในน้ำเพราะได้เรียนรู้ว่าเงาคือส่วนหนึ่งของชีวิต เราสลัดเงาออกจากขีวิตไม่ได้ แต่สามารถเพิ่มแสงสว่างเข้าไปในชีวิตได้
โชคดีที่วันนี้ได้เห็นแสงอาทิตย์เจิดจ้าบนท้องฟ้า แสงสว่างที่ทำให้เราเรียนรู้ว่าเงาเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไร้แสง เหมือนอุปมาที่กล่าวว่า "มนุษย์จะไม่เคยขอบคุณแสงสว่าง...ถ้าขีวิตไม่เคยเจอความมืด"
มีประโยคสุดท้ายที่ครูเขียนขึ้นกระดานว่า "Love the Evil Good" ครูให้คำจำกัดความไว้ 2 นัยว่า "เมื่อเรารักสิ่งที่ไม่ดีหรือไม่น่ารักได้ ..สิ่งนั้นจะเปลี่ยนเป็นดี" หรืออีกนัยหนึ่งคือ "เมื่อเรายืนหยัดที่จะรักตัวเองอย่างเข้มแข็ง ในท้ายที่สุด..แรงแห่งรักนี้จะเปลี่ยนปีศาจร้ายในตัวเรา"
ติดตาม "พลังแห่งรัก" ในเรื่อง Biography กับลำดับที่ของพี่น้องตอนต่อไปค่ะ มาหาคำตอบร่วมกันว่า "ทำไมความรักจึงมีอานุภาพยิ่งนักตอนลูกก้าวเข้าสู่วัยรุ่น"
รัก
พี่ณี
16/7/60