Biography กับลำดับที่ของพี่น้อง (ตอนที่ 5)
"ลูกคนที่สองของบ้านเป็นคนที่รักธรรมชาติ เป็นนักฝัน ฟังอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง เป็นผู้แสวงหาไม่ใช่นักต่อสู้ เป็นนักแต่งโคลงกลอน บางครั้งเป็นดั่งนักบุญ ชอบความอิสระ ชอบเดินทาง พึ่งพาตัวเอง โลกทั้งหมดคือสนามเด็กเล่นของพวกเขา"
ต้องบอกว่าถ้าแม่รู้ตั้งแต่ตอนลูกสองคนยังเล็กแม่คงไม่ต้องตีปัญญ์สาวน้อยตัวเล็กของบ้านจนแม่เจ็บมือ ยังจำวินาทีที่ตีลูกเสร็จแล้วพี่เลี้ยงคนใหม่เดินมาบอกแม่ด้วยความโกรธว่า "คุณตีลูกผิดคนค่ะ"
ฟังแล้วแม่นึกไม่ออกว่าเราตีลูกผิดคนได้อย่างไร ก็เห็นอยู่ตำตาว่าน้องปัญญ์กำลังเอาตุ๊กตาที่เพื่อนแม่ซื้อมาฝากจากอเมริกาขึ้นจากถังน้ำ พี่เลี้ยงเล่าให้ฟังหลังแม่สงบสติอารมณ์ได้ว่าน้องปรางเป็นคนเอาตุ๊กตาตัวนั้นมาเล่นสระผม พี่เลี้ยงพยายามห้ามแล้วแต่น้องปรางไม่ยอมฟัง
ช่วงที่น้องปัญญ์กำลังหยิบตุ๊กตาขึ้นจากถังน้ำมายื่นให้พี่ปรางเล่นต่อ ทำให้น้ำหยดเป็นทางเต็มบ้าน ตอนนั้นแม่กลับเข้าบ้านพอดี แม่เลยขาดสติตีลูกแบบไม่ยั้งเพราะโกรธที่เห็นตุ๊กตาแสนสวยกลายเป็นตุ๊กตาตกน้ำ
พี่สมบูรณ์โกรธพี่มากบอกว่าถ้าคราวหน้าพี่อารมณ์ไม่ดีอย่าเข้าใกล้ลูก ตอนนั้นรู้สึกเสียใจมากดูรอยแดงที่แขนและหลังของน้องปัญญ์แล้วนึกไม่ออกว่าอะไรทำให้ตัวเองขาดสติได้มากขนาดนี้
ก่อนนอนคืนนั้นแม่กลับมาย้อนทวนความทรงจำของตัวเองว่าเราทำลงไปได้อย่างไรเพราะลูกตัวผอมบางเพราะภาวะทโภชนาการ พี่น่าจะเอะใจว่าลูกไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น พี่เห็นความใจดีของน้องปัญญ์มาตลอดตั้งแต่ลูกยังพูดไม่ได้ ทุกครั้งที่พี่ปรางร้องไห้อยากกินขนมที่น้องกำลังกิน น้องปัญญ์จะบิมุมขนมปังชิ้นเล็ก ๆ ให้ตัวเองแล้วยื่นขนมปังทั้งแผ่นให้พี่
ทุกครั้งที่พี่อยากได้อะไรน้องจะให้ทุกอย่างของตัวเองให้พี่หมด แม้ตอนไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของครอบครัวเรา แม่ไปขอยืมรถเข็นพับได้ขนาดพกพาที่เหมาะกับตัวเล็กๆ ของลูก พี่ปรางเห็นก็ร้องอยากนั่งบ้าง
แม่กำลังอธิบายกับพี่ว่าหนูโตแล้วนั่งไม่ได้ น้องปัญญ์ซึ่งตอนนั้นอายุ 1 ขวบกับ 8 เดือนปีนออกจากรถเองเพื่อลุกให้พี่นั่ง ทุกครั้งที่พี่ปรางร้องไห้น้องจะพยายามปลอบและเอาเอามือเล็ก ๆ ของตัวเองมาเช็ดน้ำตาพี่ทุกครั้ง
ตอนนี้เพิ่งเข้าใจว่าลูกคนที่สองของบ้านนั้นอ่อนโยนและมีธรรมชาติของความเป็นนักบุญในตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ คิดต่อก็เห็นว่าพี่สมบูรณ์เป็นลูกคนที่สองที่ดูผ่อนคลายกว่าพี่ที่เป็นลูกคนโตมาก พี่ถูกเตือนทุกครั้งเมื่อสติหลุดว่า "แม่เอ๋ย เรียนมาตั้งเยอะแต่ดูแลสติตัวเองไม่ได้"
ต้องบอกว่าถ้าแม่รู้ตั้งแต่ตอนลูกสองคนยังเล็กแม่คงไม่ต้องตีปัญญ์สาวน้อยตัวเล็กของบ้านจนแม่เจ็บมือ ยังจำวินาทีที่ตีลูกเสร็จแล้วพี่เลี้ยงคนใหม่เดินมาบอกแม่ด้วยความโกรธว่า "คุณตีลูกผิดคนค่ะ"
ฟังแล้วแม่นึกไม่ออกว่าเราตีลูกผิดคนได้อย่างไร ก็เห็นอยู่ตำตาว่าน้องปัญญ์กำลังเอาตุ๊กตาที่เพื่อนแม่ซื้อมาฝากจากอเมริกาขึ้นจากถังน้ำ พี่เลี้ยงเล่าให้ฟังหลังแม่สงบสติอารมณ์ได้ว่าน้องปรางเป็นคนเอาตุ๊กตาตัวนั้นมาเล่นสระผม พี่เลี้ยงพยายามห้ามแล้วแต่น้องปรางไม่ยอมฟัง
ช่วงที่น้องปัญญ์กำลังหยิบตุ๊กตาขึ้นจากถังน้ำมายื่นให้พี่ปรางเล่นต่อ ทำให้น้ำหยดเป็นทางเต็มบ้าน ตอนนั้นแม่กลับเข้าบ้านพอดี แม่เลยขาดสติตีลูกแบบไม่ยั้งเพราะโกรธที่เห็นตุ๊กตาแสนสวยกลายเป็นตุ๊กตาตกน้ำ
พี่สมบูรณ์โกรธพี่มากบอกว่าถ้าคราวหน้าพี่อารมณ์ไม่ดีอย่าเข้าใกล้ลูก ตอนนั้นรู้สึกเสียใจมากดูรอยแดงที่แขนและหลังของน้องปัญญ์แล้วนึกไม่ออกว่าอะไรทำให้ตัวเองขาดสติได้มากขนาดนี้
ก่อนนอนคืนนั้นแม่กลับมาย้อนทวนความทรงจำของตัวเองว่าเราทำลงไปได้อย่างไรเพราะลูกตัวผอมบางเพราะภาวะทโภชนาการ พี่น่าจะเอะใจว่าลูกไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น พี่เห็นความใจดีของน้องปัญญ์มาตลอดตั้งแต่ลูกยังพูดไม่ได้ ทุกครั้งที่พี่ปรางร้องไห้อยากกินขนมที่น้องกำลังกิน น้องปัญญ์จะบิมุมขนมปังชิ้นเล็ก ๆ ให้ตัวเองแล้วยื่นขนมปังทั้งแผ่นให้พี่
ทุกครั้งที่พี่อยากได้อะไรน้องจะให้ทุกอย่างของตัวเองให้พี่หมด แม้ตอนไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของครอบครัวเรา แม่ไปขอยืมรถเข็นพับได้ขนาดพกพาที่เหมาะกับตัวเล็กๆ ของลูก พี่ปรางเห็นก็ร้องอยากนั่งบ้าง
แม่กำลังอธิบายกับพี่ว่าหนูโตแล้วนั่งไม่ได้ น้องปัญญ์ซึ่งตอนนั้นอายุ 1 ขวบกับ 8 เดือนปีนออกจากรถเองเพื่อลุกให้พี่นั่ง ทุกครั้งที่พี่ปรางร้องไห้น้องจะพยายามปลอบและเอาเอามือเล็ก ๆ ของตัวเองมาเช็ดน้ำตาพี่ทุกครั้ง
ตอนนี้เพิ่งเข้าใจว่าลูกคนที่สองของบ้านนั้นอ่อนโยนและมีธรรมชาติของความเป็นนักบุญในตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ คิดต่อก็เห็นว่าพี่สมบูรณ์เป็นลูกคนที่สองที่ดูผ่อนคลายกว่าพี่ที่เป็นลูกคนโตมาก พี่ถูกเตือนทุกครั้งเมื่อสติหลุดว่า "แม่เอ๋ย เรียนมาตั้งเยอะแต่ดูแลสติตัวเองไม่ได้"
พ่อเป็นเพื่อนเล่นที่ดีของลูก เล่นจะเอ๋ เล่นซ่อนหา เล่นซนกันอย่างสนุกสนาน หัวเราะกันได้ตลอด ในขณะที่แม่ได้แต่นั่งมอง 3 พ่อลูกเล่นกันเพราะไม่รู้จะเล่นอะไร บอกตัวเองว่าฉันโตแล้วเล่นไม่เป็น ใครเลยจะเหมือนพ่อเล่นกันได้ทั้งวัน
พี่เครียดกับการเลี้ยงลูกสองคนมากเพราะทุกอย่างไม่เคยเข้าที่เข้าทาง ไม่เป็นดั่งใจ พี่กลับไปปรึกษาคุณครูทุกคนที่มาสอนในคอร์สที่ลงเรียนที่โรงเรียนไตรทักษะว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองที่ขี้หงุดหงิด โกรธง่ายและคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่เวลาเห็นลูกสองคนเล่นกันแล้วทำบ้านรก รื้อของออกมาเล่นเต็มบ้านจนไม่มีทางเดิน
ครูท่านหนึ่งถามพี่ว่า "คุณแม่คิดว่าธรรมชาติของลูกเล็กควรเป็นอย่างไร" แม่นึกไม่ออกเพราะแม่อยากเห็นบ้านสะอาดเรียบร้อยเวลากลับบ้าน อยากให้ลูกน่ารักนั่งรอแม่เงียบ ๆ ให้แม่หอมให้ชื่นใจ ไม่ชอบเห็นลูกเล่นซน
ครูบอกว่าพี่เข้าใจธรรมชาติของเด็กผิดมาก ลูกเล็กต้องการเล่นซนอย่างเต็มที่ ได้เล่นปีนป่าย ได้เล่นน้ำฝนตอนฝนตกหนัก การเล่นแบบนี้เรียกว่าการเล่นแบบหายใจออก (Breath out) ยังมีการเล่นอีกอย่างที่เรียกว่าการเล่นแบบหายใจเข้า (Breath in) ที่ลูกได้มีเวลาเล่นแบบเงียบ ๆ โดยผู้ใหญ่ไม่เข้าไปแทรกแซง
ถ้าจะให้ลูกเล่นตุ๊กตา ตุ๊กตาต้องไม่มีหน้า เป็นเพียงผ้าพันเป็นหัวน็อตโต ๆ มีเพียงด้ายที่ผูกชายผ้าทั้งสองด้านให้เป็นมือเล็กๆ สองข้าง เวลาเคลื่อนที่เหมือนนางฟ้ากำลังโบยบิน ที่สำคัญคือตุ๊กตาต้องไม่มีเชฟเหมือนหญิงสาว
ถ้าแม่ไม่อยากให้บ้านรก ให้มีของเล่นธรรมชาติแบบน้อยชิ้นเพราะลูกสามารถใช้วัสดุธรรมชาติเล่นเป็นอะไรก็ได้ อาจเป็นท่อนไม้เล็ก ๆ ที่ลูกสามารถเล่นได้อย่างอิสระ มีตระกร้าหวายไว้เก็บของ ให้ลูกเชิญของเล่นเข้านอนหลังเล่นเสร็จ
ครูให้เอาหม้อ ชามที่เป็นของจริงที่ใช้ในครัวให้ลูกเล่น ให้หาผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายย้อมธรรมชาติให้ลูกได้เล่นสร้างบ้าน ของเล่นทั้งหมดนี้จะช่วยส่งเสริมจินตนาการและความมั่นคงทางใจให้กับลูก
แม่ต้องสร้างจังหวะของบ้านใหม่ที่สงบและเรียบง่าย ถ้าแม่อยากให้ลูกสงบ เลี้ยงง่าย พูดรู้เรื่อง แม่ต้องดูแลสติของตัวเองก่อน พูดให้น้อย ทำให้มาก สติและความสงบของแม่จะสามารถสยบทุกความเคลื่อนไหวในบ้านได้
แล้วแม่คนนี้ควรต้องทำอะไรต่อเพราะสิ่งที่ครูแนะนำกับสิ่งที่แม่ทำหรือตัวตนที่แท้จริงของแม่ที่เป็นพี่สาวคนโตของบ้านต่างกันราวฟ้ากับเหว ติดตามทางออกของแม่ในตอนที่ 6 ได้เลยค่ะ
รัก
พี่ณี
1/5/60
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309156
พี่เครียดกับการเลี้ยงลูกสองคนมากเพราะทุกอย่างไม่เคยเข้าที่เข้าทาง ไม่เป็นดั่งใจ พี่กลับไปปรึกษาคุณครูทุกคนที่มาสอนในคอร์สที่ลงเรียนที่โรงเรียนไตรทักษะว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองที่ขี้หงุดหงิด โกรธง่ายและคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่เวลาเห็นลูกสองคนเล่นกันแล้วทำบ้านรก รื้อของออกมาเล่นเต็มบ้านจนไม่มีทางเดิน
ครูท่านหนึ่งถามพี่ว่า "คุณแม่คิดว่าธรรมชาติของลูกเล็กควรเป็นอย่างไร" แม่นึกไม่ออกเพราะแม่อยากเห็นบ้านสะอาดเรียบร้อยเวลากลับบ้าน อยากให้ลูกน่ารักนั่งรอแม่เงียบ ๆ ให้แม่หอมให้ชื่นใจ ไม่ชอบเห็นลูกเล่นซน
ครูบอกว่าพี่เข้าใจธรรมชาติของเด็กผิดมาก ลูกเล็กต้องการเล่นซนอย่างเต็มที่ ได้เล่นปีนป่าย ได้เล่นน้ำฝนตอนฝนตกหนัก การเล่นแบบนี้เรียกว่าการเล่นแบบหายใจออก (Breath out) ยังมีการเล่นอีกอย่างที่เรียกว่าการเล่นแบบหายใจเข้า (Breath in) ที่ลูกได้มีเวลาเล่นแบบเงียบ ๆ โดยผู้ใหญ่ไม่เข้าไปแทรกแซง
ถ้าจะให้ลูกเล่นตุ๊กตา ตุ๊กตาต้องไม่มีหน้า เป็นเพียงผ้าพันเป็นหัวน็อตโต ๆ มีเพียงด้ายที่ผูกชายผ้าทั้งสองด้านให้เป็นมือเล็กๆ สองข้าง เวลาเคลื่อนที่เหมือนนางฟ้ากำลังโบยบิน ที่สำคัญคือตุ๊กตาต้องไม่มีเชฟเหมือนหญิงสาว
ถ้าแม่ไม่อยากให้บ้านรก ให้มีของเล่นธรรมชาติแบบน้อยชิ้นเพราะลูกสามารถใช้วัสดุธรรมชาติเล่นเป็นอะไรก็ได้ อาจเป็นท่อนไม้เล็ก ๆ ที่ลูกสามารถเล่นได้อย่างอิสระ มีตระกร้าหวายไว้เก็บของ ให้ลูกเชิญของเล่นเข้านอนหลังเล่นเสร็จ
ครูให้เอาหม้อ ชามที่เป็นของจริงที่ใช้ในครัวให้ลูกเล่น ให้หาผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายย้อมธรรมชาติให้ลูกได้เล่นสร้างบ้าน ของเล่นทั้งหมดนี้จะช่วยส่งเสริมจินตนาการและความมั่นคงทางใจให้กับลูก
แม่ต้องสร้างจังหวะของบ้านใหม่ที่สงบและเรียบง่าย ถ้าแม่อยากให้ลูกสงบ เลี้ยงง่าย พูดรู้เรื่อง แม่ต้องดูแลสติของตัวเองก่อน พูดให้น้อย ทำให้มาก สติและความสงบของแม่จะสามารถสยบทุกความเคลื่อนไหวในบ้านได้
แล้วแม่คนนี้ควรต้องทำอะไรต่อเพราะสิ่งที่ครูแนะนำกับสิ่งที่แม่ทำหรือตัวตนที่แท้จริงของแม่ที่เป็นพี่สาวคนโตของบ้านต่างกันราวฟ้ากับเหว ติดตามทางออกของแม่ในตอนที่ 6 ได้เลยค่ะ
รัก
พี่ณี
1/5/60
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309156