Biography กับลำดับที่ของพี่น้อง (ตอนที่ 4)
ถ้าเพื่อน ๆ ได้อ่านเรื่องราวของสาวน้อยมหัศจรรย์ "น้องปัญญ์" ลูกสาวคนที่สองของบ้านคงเห็นการต่อสู้เพื่อมีชีวิตอยู่ของสาวน้อยตัวเล็กคนนี้ตั้งแต่อยู่ในท้อง
ก่อนหน้าที่พี่จะมีน้องปัญญ์ พี่แท้งลูกคนที่สองได้ไม่ถึงปี การตั้งครรภ์ในช่วงที่มดลูกไม่แข็งแรงดีทำให้พี่มีปัญหาตลอดตั้งแต่ตั้งท้องสี่เดือนจนคลอด พี่แยกตัวไม่ค่อยได้เล่นกับน้องปรางเหมือนเดิมเพราะกังวลเรื่องการคลอดก่อนกำหนด
ในวิชา Biography การพบเจอกันครั้งแรกของคนสองคนเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชะตาชีวิตของคนทั้งคู่ เมื่อพี่ย้อนทวนการเจอกันครั้งแรกของสองพี่น้อง ปรางอายุมากกว่าพี่ตอนเจอหน้าน้องครั้งแรก ปรางอายุเกือบ 3 ขวบ ส่วนพี่อายุ 2 ขวบ การเคยเป็นที่หนึ่งในบ้านมาตลอด เริ่มถูกสั่นคลอนเมื่อน้องใหม่ก้าวเข้ามาในชีวิต
ระหว่างท้องน้องปัญญ์ พี่ค่อนข้างระวังตัวเวลาอยู่ใกล้ปรางเพราะกลัวลูกเล่นแรง เจ้าตัวเองก็จะถูกพ่อห้ามไม่ให้เข้าใกล้ท้องป่อง ๆ ของพี่ การขาดความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องตอนอยู่ในท้องทำให้การเจอกันครั้งแรกดูน่าขบขันในสายตาผู้ใหญ่ที่ได้เห็น
ประโยคแรกที่ปรางเจอหน้าน้องคือ "เอาน้องไปทิ้ง...เอาน้องไปให้ตำรวจเลย" คุณพยาบาล พี่สมบูรณ์และพ่อแม่พี่หัวเราะกันอย่างขำๆ ในความเป็นเด็กของปราง เพราะปรางร้องไห้เสียงดังมาก ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้แม่แม้แต่คุณพยาบาล
ปรางใช้เวลาปรับตัวอยู่หลายเดือน พัฒนาการถดถอยกลายเป็นเด็กทารกอีกครั้งทั้งที่อายุเกือบ 3 ขวบ ติดแม่มาก ร้องไห้ให้แม่ป้อนนม ให้แม่ดูแลเหมือนเป็นเด็กอ่อนอีกครั้ง
กว่าจะผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านและปรับตัว แม่เหนื่อยมากเพราะเรากำลังสร้างบ้านหลังใหม่ พี่สมบูรณ์ต้องไปดูแลการสร้างบ้าน ทุกวันหยุดต้องขับรถจากบางบอนมาดูบ้านที่กำลังสร้างแถวลาดพร้าวจนบ้านสร้างเสร็จ เราตัดสินใจว่าจะย้ายบ้านตอนน้องปัญญ์อายุครบ 4 เดือน
ก่อนหน้าที่พี่จะมีน้องปัญญ์ พี่แท้งลูกคนที่สองได้ไม่ถึงปี การตั้งครรภ์ในช่วงที่มดลูกไม่แข็งแรงดีทำให้พี่มีปัญหาตลอดตั้งแต่ตั้งท้องสี่เดือนจนคลอด พี่แยกตัวไม่ค่อยได้เล่นกับน้องปรางเหมือนเดิมเพราะกังวลเรื่องการคลอดก่อนกำหนด
ในวิชา Biography การพบเจอกันครั้งแรกของคนสองคนเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชะตาชีวิตของคนทั้งคู่ เมื่อพี่ย้อนทวนการเจอกันครั้งแรกของสองพี่น้อง ปรางอายุมากกว่าพี่ตอนเจอหน้าน้องครั้งแรก ปรางอายุเกือบ 3 ขวบ ส่วนพี่อายุ 2 ขวบ การเคยเป็นที่หนึ่งในบ้านมาตลอด เริ่มถูกสั่นคลอนเมื่อน้องใหม่ก้าวเข้ามาในชีวิต
ระหว่างท้องน้องปัญญ์ พี่ค่อนข้างระวังตัวเวลาอยู่ใกล้ปรางเพราะกลัวลูกเล่นแรง เจ้าตัวเองก็จะถูกพ่อห้ามไม่ให้เข้าใกล้ท้องป่อง ๆ ของพี่ การขาดความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องตอนอยู่ในท้องทำให้การเจอกันครั้งแรกดูน่าขบขันในสายตาผู้ใหญ่ที่ได้เห็น
ประโยคแรกที่ปรางเจอหน้าน้องคือ "เอาน้องไปทิ้ง...เอาน้องไปให้ตำรวจเลย" คุณพยาบาล พี่สมบูรณ์และพ่อแม่พี่หัวเราะกันอย่างขำๆ ในความเป็นเด็กของปราง เพราะปรางร้องไห้เสียงดังมาก ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้แม่แม้แต่คุณพยาบาล
ปรางใช้เวลาปรับตัวอยู่หลายเดือน พัฒนาการถดถอยกลายเป็นเด็กทารกอีกครั้งทั้งที่อายุเกือบ 3 ขวบ ติดแม่มาก ร้องไห้ให้แม่ป้อนนม ให้แม่ดูแลเหมือนเป็นเด็กอ่อนอีกครั้ง
กว่าจะผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านและปรับตัว แม่เหนื่อยมากเพราะเรากำลังสร้างบ้านหลังใหม่ พี่สมบูรณ์ต้องไปดูแลการสร้างบ้าน ทุกวันหยุดต้องขับรถจากบางบอนมาดูบ้านที่กำลังสร้างแถวลาดพร้าวจนบ้านสร้างเสร็จ เราตัดสินใจว่าจะย้ายบ้านตอนน้องปัญญ์อายุครบ 4 เดือน
ระหว่างเตรียมตัวย้ายบ้าน น้องปัญญ์กินนมแม่ได้น้อยมากตั้งแต่แรกคลอดเพราะแม่เองก็เครียด น้ำนมใสจนตอนหลังที่ได้มาเรียนแพทย์แผนไทยเพิ่งรู้ว่าคุณภาพน้ำนมของตัวเองจัดอยู่ในขั้นจัตวา น้ำนมแม่แบ่งออกเป็นน้ำนมดีกับน้ำนมเลว น้ำนมดีมี 2 ขั้นคือน้ำนมเอกและน้ำนมโท ส่วนน้ำนมตรีเรียกว่าน้ำนมเลว
คุณภาพของน้ำนมแม่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสารอาหาร คุณภาพของเลือดและอารมณ์ของคุณแม่ ยิ่งแม่มีสภาพสมบูรณ์ทั้งกายใจมากเท่าไหร่น้ำนมจุะมีคุณภาพมากเท่านั้น น้ำนมพี่ไม่สามารถจัดอยู่ในลำดับที่เรียงไว้ได้ พี่เลยจัดลำดับตัวเองให้อยู่ในลำดับจัตวาที่แย่กว่าน้ำนมเลว
ถ้าใครกำลังให้นมลูกอยู่ ลองเช็คดูนะคะว่าถ้าเอาน้ำนมหยดลงในแก้ว ถ้าน้ำนมเอกจะข้นมากสามารถหยดลงก้นแก้วโดยไม่กระจายตัวออก น้ำนมโทจะกระจายตัวเมื่ออยู่กลางแก้ว แต่น้ำนมตรีจะกระจายตัวทันทีที่หยดลงในแก้ว คนสมัยโบราณจึงมีแม่นมไว้ให้นมลูกแทนในกรณีที่น้ำนมแม่เข้าขั้นวิกฤติ
วันนี้ก็เพิ่งมารู้อีกว่าเพราะแม่ไม่สงบทำให้น้ำนมแม่คุณภาพต่ำมาก นี่คงเป็นสาเหตุหลักที่น้องปัญญ์ไม่ยอมกินนมเพราะรสชาติคงแย่มาก ช่วงอยู่เดือนพี่ต้องเลี้ยงลูกไปแพ็คของเพื่อย้ายบ้านไป เราสองคนพ่อแม่ต้องช่วยกันคิดช่วยกันวางแผนเรื่องการย้ายบ้าน ย้ายของ ซื้อเฟอร์นิเจอร์
ช่วงต้อนรับสมาชิกใหม่ในบ้านที่ควรเป็นช่วงที่สงบ อบอุ่น แต่การต้อนรับสมาชิกใหม่ในบ้านเรากลับกลายมาเป็นช่วงเตรียมย้ายบ้านที่แสนสับสนวุ่นวายแทน
ความสับสนวุ่นวายในบ้านทำให้ทุกอย่างกระทบลูกทั้งสองคน โดยตรง น้องปรางมีปัญหาเรื่องสายตา การได้ยินและการแยกตัวจากสังคม ส่วนน้องปัญญ์ลูกคนที่สองปัญหาถูกส่งตรงไปที่หัวใจที่รับรู้และรู้สึกได้ถึงสภาพแวดล้อมที่แสนวุ่นวาย
ยิ่งเขียนแม่ยิ่งรู้ว่าที่ลูกปฏิเสธที่จะกินอาหาร เลี้ยงยาก ลิ้นแตกเป็นลายแผนที่เพราะขาดอาหารและเป็นโรคภูมิแพ้ มีภาวะทุโภชนาการขั้นที่ 4 เป็นเพราะแม่คนนี้ที่สร้างโรคให้ลูก
การดูแลหญิงสาวตัวเล็ก ๆ 2 คนที่มีอุปนิสัยไม่เหมือนกันเลยทำให้พี่ถึงกับสับสนกับวิธีการเลี้ยงลูกของตัวเอง ลูกกลายเป็นที่รองรับอารมณ์แม่ที่ขึ้นลงเพราะหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบในบ้าน พี่ใช้วิธีเดียวกับที่แม่เคยเลี้ยงเราตอนเด็กด้วยการตี บ่น สอนให้จำ อธิบายเหตุและผลแต่ทั้งหมดไม่ได้ผล
คุณภาพของน้ำนมแม่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสารอาหาร คุณภาพของเลือดและอารมณ์ของคุณแม่ ยิ่งแม่มีสภาพสมบูรณ์ทั้งกายใจมากเท่าไหร่น้ำนมจุะมีคุณภาพมากเท่านั้น น้ำนมพี่ไม่สามารถจัดอยู่ในลำดับที่เรียงไว้ได้ พี่เลยจัดลำดับตัวเองให้อยู่ในลำดับจัตวาที่แย่กว่าน้ำนมเลว
ถ้าใครกำลังให้นมลูกอยู่ ลองเช็คดูนะคะว่าถ้าเอาน้ำนมหยดลงในแก้ว ถ้าน้ำนมเอกจะข้นมากสามารถหยดลงก้นแก้วโดยไม่กระจายตัวออก น้ำนมโทจะกระจายตัวเมื่ออยู่กลางแก้ว แต่น้ำนมตรีจะกระจายตัวทันทีที่หยดลงในแก้ว คนสมัยโบราณจึงมีแม่นมไว้ให้นมลูกแทนในกรณีที่น้ำนมแม่เข้าขั้นวิกฤติ
วันนี้ก็เพิ่งมารู้อีกว่าเพราะแม่ไม่สงบทำให้น้ำนมแม่คุณภาพต่ำมาก นี่คงเป็นสาเหตุหลักที่น้องปัญญ์ไม่ยอมกินนมเพราะรสชาติคงแย่มาก ช่วงอยู่เดือนพี่ต้องเลี้ยงลูกไปแพ็คของเพื่อย้ายบ้านไป เราสองคนพ่อแม่ต้องช่วยกันคิดช่วยกันวางแผนเรื่องการย้ายบ้าน ย้ายของ ซื้อเฟอร์นิเจอร์
ช่วงต้อนรับสมาชิกใหม่ในบ้านที่ควรเป็นช่วงที่สงบ อบอุ่น แต่การต้อนรับสมาชิกใหม่ในบ้านเรากลับกลายมาเป็นช่วงเตรียมย้ายบ้านที่แสนสับสนวุ่นวายแทน
ความสับสนวุ่นวายในบ้านทำให้ทุกอย่างกระทบลูกทั้งสองคน โดยตรง น้องปรางมีปัญหาเรื่องสายตา การได้ยินและการแยกตัวจากสังคม ส่วนน้องปัญญ์ลูกคนที่สองปัญหาถูกส่งตรงไปที่หัวใจที่รับรู้และรู้สึกได้ถึงสภาพแวดล้อมที่แสนวุ่นวาย
ยิ่งเขียนแม่ยิ่งรู้ว่าที่ลูกปฏิเสธที่จะกินอาหาร เลี้ยงยาก ลิ้นแตกเป็นลายแผนที่เพราะขาดอาหารและเป็นโรคภูมิแพ้ มีภาวะทุโภชนาการขั้นที่ 4 เป็นเพราะแม่คนนี้ที่สร้างโรคให้ลูก
การดูแลหญิงสาวตัวเล็ก ๆ 2 คนที่มีอุปนิสัยไม่เหมือนกันเลยทำให้พี่ถึงกับสับสนกับวิธีการเลี้ยงลูกของตัวเอง ลูกกลายเป็นที่รองรับอารมณ์แม่ที่ขึ้นลงเพราะหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบในบ้าน พี่ใช้วิธีเดียวกับที่แม่เคยเลี้ยงเราตอนเด็กด้วยการตี บ่น สอนให้จำ อธิบายเหตุและผลแต่ทั้งหมดไม่ได้ผล
การดูแลลูกตอนเล็กช่างเป็นเรื่องที่ชวนปวดหัวมากเพราะพี่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องรับมือกับอารมณ์ที่แตกต่างของลูกสองคนอย่างไร ยิ่งกลับมาฟังสิ่งที่ครู Karl-Heinz Finke แบ่งปันเรื่องเพศสภาพของความเป็นพี่น้องทำให้พี่รู้ว่าตัวเองเลี้ยงลูกแบบหลงทิศ ครูสรุปไว้น่าสนใจว่า
ในกรณีที่เป็นพี่สาวน้องสาว พี่สาวจะมีทัศนคติแบบผู้ชายและกดความเป็นหญิงที่อยู่ในตัวเองลง พี่คนโตจะคอยปกป้องดูแลน้อง แต่ถ้ามีน้องสาวหลายคนในบ้านพี่สาวคนโตจะมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นทอมบอยและใช้น้อง ๆ ทำงานแทน
ในกรณีที่เป็นพี่ชายและน้องชาย พี่ชายคนโตจะมีหน้าที่และระเบียบแบบแผนชัดเจน รักษาตำแหน่งผู้นำ ชอบกีฬาหรืองานอดิเรกที่ต้องทุ่มแรงในการฝึกฝนเป็นพิเศษ
ในกรณีเป็นพี่สาวและน้องชาย พี่สาวจะมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น เพราะการมีน้องชายช่วยปลุกความรู้สึกของความเป็นหญิงของพี่ให้เกิดเร็วยิ่งขึ้น
ในกรณีที่เป็นพี่ชายน้องสาว พี่ชายจะสมดุลและมีความสุภาพอ่อนโยน มีทัศนคติของความเป็นขุนนางในตัวเอง
ภาพที่ครูให้ทำให้พี่เห็นตัวเองในฐานะพี่สาว น้องชายว่าเวลาทะเลาะกับน้องเราแอบข่วน ใช้เล็บเป็นอาวุธแบบผู้หญิง ๆ ส่วนพฤติกรรมของปรางปัญญ์ในฐานะพี่สาว น้องสาวเป็นคนละแบบกับแม่ ปรางเล่นแรงเหมือนเด็กผู้ชาย พี่เคยไปปรึกษาป้าอ้วนว่าปรางคงไปเลียนแบบเพื่อนในห้องแสงตะวันมาเพราะกลับมาเล่นล็อคคอน้องที่บ้าน
ป้าอ้วนเล่าให้พี่ฟังว่า "ไม่มีใครเคยล็อคคอน้องปรางได้หรอกค่ะคุณแม่ มีแต่ปรางไปล็อคคอเพื่อน เมื่อวันก่อน ปรางเอาเก้าอี้ไปล็อคคอเพื่อนเวลาโกรธ" แม่ฟังแล้วนั่งอึ้งไปสักพัก ลูกเราเป็นไปได้อย่างนี้จริงหรือ ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องแรงผลักและแรงเสริมของเพศสภาพทำให้วางตัวไม่ถูกเวลาลูกเล่นหรือทะเลาะกัน
หลังพี่เลี้ยงอาวุโสลาออก พี่ได้กลับมาดูแลบ้านของตัวเองด้วยตัวเองอีกครั้ง การได้ดูแลน้องปัญญ์ตลอดช่วงที่มีภาวะทุโภชนาการทำให้พี่ได้กลับมาตั้งคำถามตัวเองอีกครั้งว่า "อะไรคือภารกิจที่แท้จริงของการเป็นพ่อแม่" จริงหรือไม่ที่พ่อแม่ควรเป็นครูคนแรกและหมอคนแรกของลูก จริงหรือไม่ที่ลูกคนกลางเลี้ยงยาก ติดตามตอนต่อไปนะคะ
รัก
พี่ณี
25/4/60
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309156
ในกรณีที่เป็นพี่สาวน้องสาว พี่สาวจะมีทัศนคติแบบผู้ชายและกดความเป็นหญิงที่อยู่ในตัวเองลง พี่คนโตจะคอยปกป้องดูแลน้อง แต่ถ้ามีน้องสาวหลายคนในบ้านพี่สาวคนโตจะมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นทอมบอยและใช้น้อง ๆ ทำงานแทน
ในกรณีที่เป็นพี่ชายและน้องชาย พี่ชายคนโตจะมีหน้าที่และระเบียบแบบแผนชัดเจน รักษาตำแหน่งผู้นำ ชอบกีฬาหรืองานอดิเรกที่ต้องทุ่มแรงในการฝึกฝนเป็นพิเศษ
ในกรณีเป็นพี่สาวและน้องชาย พี่สาวจะมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น เพราะการมีน้องชายช่วยปลุกความรู้สึกของความเป็นหญิงของพี่ให้เกิดเร็วยิ่งขึ้น
ในกรณีที่เป็นพี่ชายน้องสาว พี่ชายจะสมดุลและมีความสุภาพอ่อนโยน มีทัศนคติของความเป็นขุนนางในตัวเอง
ภาพที่ครูให้ทำให้พี่เห็นตัวเองในฐานะพี่สาว น้องชายว่าเวลาทะเลาะกับน้องเราแอบข่วน ใช้เล็บเป็นอาวุธแบบผู้หญิง ๆ ส่วนพฤติกรรมของปรางปัญญ์ในฐานะพี่สาว น้องสาวเป็นคนละแบบกับแม่ ปรางเล่นแรงเหมือนเด็กผู้ชาย พี่เคยไปปรึกษาป้าอ้วนว่าปรางคงไปเลียนแบบเพื่อนในห้องแสงตะวันมาเพราะกลับมาเล่นล็อคคอน้องที่บ้าน
ป้าอ้วนเล่าให้พี่ฟังว่า "ไม่มีใครเคยล็อคคอน้องปรางได้หรอกค่ะคุณแม่ มีแต่ปรางไปล็อคคอเพื่อน เมื่อวันก่อน ปรางเอาเก้าอี้ไปล็อคคอเพื่อนเวลาโกรธ" แม่ฟังแล้วนั่งอึ้งไปสักพัก ลูกเราเป็นไปได้อย่างนี้จริงหรือ ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องแรงผลักและแรงเสริมของเพศสภาพทำให้วางตัวไม่ถูกเวลาลูกเล่นหรือทะเลาะกัน
หลังพี่เลี้ยงอาวุโสลาออก พี่ได้กลับมาดูแลบ้านของตัวเองด้วยตัวเองอีกครั้ง การได้ดูแลน้องปัญญ์ตลอดช่วงที่มีภาวะทุโภชนาการทำให้พี่ได้กลับมาตั้งคำถามตัวเองอีกครั้งว่า "อะไรคือภารกิจที่แท้จริงของการเป็นพ่อแม่" จริงหรือไม่ที่พ่อแม่ควรเป็นครูคนแรกและหมอคนแรกของลูก จริงหรือไม่ที่ลูกคนกลางเลี้ยงยาก ติดตามตอนต่อไปนะคะ
รัก
พี่ณี
25/4/60
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309156