วิธีการฟื้นฟูตัวเองจากการทำงานหนัก
จากสถานการณ์โลกที่มีความผันแปรเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบันนี้ ทำให้แต่ละองค์กรต้องปรับตัวให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามานี้อย่างว่องไวและรู้เท่าทัน รูปแบบการทำงานของบุคลากรในองค์กรจึงต้องเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในบางองค์กร พนักงานถึงกับต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมในการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ได้พักผ่อน ซึ่งการทำงานในรูปแบบนี้ทำให้เกิดผลเสียกับบุคลากรมากกว่าผลดีที่จะเกิดขึ้นเสียอีก การหันกลับมาดูแลใส่ใจตัวเองบ้าง คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวนั้นสามารถดำเนินไปด้วยกันได้อย่างมีคุณภาพและมีสุขภาวะที่ดี โดยในบทความฉบับนี้ เราจะมาพูดถึงวิธีการง่ายๆ ในการดูแลตัวเองและฟื้นฟูพลังหลังจากการเผชิญหน้ากับภาระงานที่หนักหน่วง
5 วิธีการฟื้นฟูตัวเองจากการทำงานหนัก
ข้อมูลอ้างอิง : https://www.ccl.org/articles/leading-effectively-articles/improve-performance-foster-resilience/
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150
5 วิธีการฟื้นฟูตัวเองจากการทำงานหนัก
- การนอน : การนอนหลับที่เพียงพอตามจังหวะการเดินของนาฬิกาชีวิต มีความจำเป็นต่อการสร้างสุขภาวะที่ดีของร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก จากการทำโพลล์สอบถามประชาชนชาวอเมริกันของสถาบัน Gallup เมื่อปี 2013 พบว่า เกือบครึ่งหนึ่งของประชาชนในวัยผู้ใหญ่ มีปริมาณการนอนหลับที่เพียงพอน้อยกว่าปริมาณที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำ ซึ่งส่งผลเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานและการบริหารจัดการชีวิต โดยการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยส่งผลดีต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานเป็นอย่างมาก
- การลุกขึ้นมาขยับหรือออกกำลังกาย : พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่ต้องนั่งทำงานติดอยู่กับที่ หรือใช้เวลาไปกับการเดินทางด้วยการนั่งโดยสารในรถยนต์หรือรถสาธารณะเป็นเวลานานๆ จนในหนึ่งวันแทบไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกายกันเลย หากอยู่ในสภาพนี้ไประยะเวลาหนึ่ง จะส่งผลต่อสุขภาพหรือก่อให้เกิดโรคออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome)ขึ้นได้ การลุกขึ้นมาขยับร่างกายระหว่างทำงานหรือหาเวลาออกกำลังกายบ้าง จะช่วยเพิ่มพละกำลังให้แก่ร่างกาย สามารถป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้อารมณ์ดีขึ้น สมองปลอดโปร่ง และสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- การคืนสู่สุขภาวะที่ดีด้านจิตใจ: ความสามารถในการทำงานอย่างตั้งใจและมีเป้าหมายที่ชัดเจน จะส่งผลให้การทำงานนั้นเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล แต่ด้วยสภาวการณ์อันยุ่งเหยิงของโลกในยุคปัจจุบัน การตั้งสติให้โฟกัสอยู่กับชิ้นงานที่อยู่ตรงหน้านับวันจะยิ่งทำได้ยากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในปัจจัยที่เข้ามารบกวนนั้นก็คือการได้รับการแจ้งเตือนจากอุปกรณ์อิเลคทรอนิค ที่เราใช้ทำงานหรือถือติดตัวอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ความตั้งใจในการทำงานชิ้นหนึ่งให้เสร็จสิ้น ต้องขยายเวลาต่อไปเรื่อยๆ การออกกำลังกายสมองด้วยการฝึกดำรงสติ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยคืนสุขภาวะทางด้านจิตใจที่ดี ทำให้เรามีสมาธิที่ดีขึ้น ทำให้มีการโฟกัสในการทำงานมากขึ้น มีความคิดที่แจ่มชัดและช่วยให้การทำงานนั้นสำเร็จและผ่านไปได้ด้วยดียิ่งขึ้นอีกด้วย
- สร้างเสริมสัมพันธภาพ : มนุษย์คือสัตว์สังคม การมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันคือการได้แสดงความห่วงใยซึ่งกันและกัน ได้แบ่งปันสิ่งต่างๆหรือเรื่องราวต่างๆ อันจะช่วยลดระดับความเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้นอีกด้วย หากองค์กรใดได้เปิดช่องทางหรือสร้างพื้นที่ให้พนักงานได้มีปฏิสัมพันธ์กัน ได้พูดคุยแบ่งปันเรื่องราวระหว่างกัน ทั้งในเรื่องของการทำงานและชีวิตส่วนตัว ก็จะช่วยสร้างความรู้สึกเข้าใจและเห็นอกเห็นใจระหว่างคนทำงานด้วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อันจะเอื้อประโยชน์ในการทำงานเป็นทีมและองค์กรต่อไป
- เพิ่มความรู้สึกดีๆ: อารมณ์ในเชิงบวก สามารถเพิ่มพลังในการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี สภาพการทำงานในยุคสมัยปัจจุบันนี้ ง่ายต่อการปล่อยพลังลบระหว่างคนทำงานด้วยกัน อย่างเช่น การแข่งขันกันในเรื่องงาน การให้ฟีดแบคในแง่ลบ หรือการปะทะกันระหว่างการทำงาน เป็นต้น แต่หากเราเปลี่ยนพลังงานในแง่ลบเหล่านั้น เป็นพลังงานในเชิงบวก ก็จะช่วยให้การทำงานนั้นดีขึ้น เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเกิดสุขภาวะที่ดีในการทำงานร่วมกันมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
ข้อมูลอ้างอิง : https://www.ccl.org/articles/leading-effectively-articles/improve-performance-foster-resilience/
บริษัท เดอะ ทรี เวิลด์ส ครีเอเตอร์ จำกัด
LINE ID : the3worldscreator
Facebook : www.facebook.com/the3worldscreator
Tel. 093-2459985, 02-5309150
Fax. 02-5309150